เมล็ดกาแฟในตลาดโลกราคาพุ่งใกล้ทุบสถิติ เหตุบราซิลแล้ง เสี่ยงผลผลิตน้อย
ตอนนี้หลายคนน่าจะกำลังดื่มกาแฟอยู่ และข่าวที่ SPOTLIGHT นำเสนอนี้อาจจะทำให้รสชาติกาแฟของหลายคนขมขึ้น เพราะข่าวที่จะนำมาอัพเดตให้ทราบกันคือ ตอนนี้ราคาเมล็ดกาแฟที่ซื้อขายในตลาดโลกสูงจนใกล้จะทำลายสถิติแล้ว ซึ่งในที่สุดก็จะส่งผลต่อราคากาแฟปลายทางที่ผู้บริโภคดื่มกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ในวันที่ 16 กันยายน ราคาสัญญาซื้อขายกาแฟล่วงหน้า (cofee futures) สูงใกล้ระดับสถิติสูงสุดตลอดกาลแล้ว เนื่องจากมีความกังวลมากขึ้นว่าปรากฏการณ์ลานีญาอาจทำให้บราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลกต้องประสบกับภัยสภาพอากาศแห้งแล้ง และอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟ
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดกาแฟอาราบิกาที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้านิวยอร์กในที่ 16 กันยายนเพิ่มขึ้น 0.8% ไปอยู่ที่ 4.21 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 4.2995 ดอลลาร์ต่อปอนด์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในช่วงเวลาเดือนกว่าๆ นับจากต้นเดือนสิงหาคมมาจนถึงวันที่ 16 กันยายน ราคาซื้อขายเมล็ดกาแฟล่วงหน้าเพิ่มขึ้นประมาณ 50% แล้ว โดยมีปัจจัยหนุน คือ ภัยแล้งในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก บวกกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯต่อสินค้าจากอเมริกาใต้ และปริมาณสต๊อกกาแฟในตลาดที่ลดน้อยลง
ลาเลสกา โมดา (Laleska Moda) นักวิเคราะห์จาก เฮดจ์พอยต์ โกลบอล มาร์เก็ตส์ (Hedgepoint Global Markets) บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการความเสี่ยงและการป้องกันความผันผวนในห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรและพลังงานระดับโลกกล่าวว่า ตลาดกำลังมีแรงซื้อเก็งกำไรเมล็ดกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของบราซิลประจำเดือนสิงหาคม และปริมาณสต๊อกกาแฟอาราบิกาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโดยตลาดซื้อขายล่วงหน้าลดลงอย่างต่อเนื่อง
การส่งออกจากบราซิลไปยังปลายทางส่วนใหญ่ลดลงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาลดลงมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ทั้งนี้ กาแฟเป็นหนึ่งในสินค้าสำคัญที่บราซิลส่งไปสหรัฐ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วกาแฟที่ส่งออกจากบราซิลครองสัดส่วนประมาณ 30% ของกาแฟทั้งหมดที่สหรัฐฯนำเข้า
ขณะที่ปริมาณเมล็ดกาแฟอาราบิกาคงคลังซึ่งควบคุมโดยตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 กำลังตอกย้ำถึงภาวะอุปทานตึงตัว
องค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Oceanic and Atmospheric Administration: NOAA) หรือหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ประเมินโอกาสเกิดปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมไว้ที่ 71% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟในปี 2026-2027 ของบราซิล ขณะที่หลายคนกำลังหวังให้ผลผลิตกาแฟในฤดูกาลผลิตนี้จะช่วยฟื้นปริมาณสต๊อกเมล็ดกาแฟ
ไวซาลา (Vaisala) ผู้ให้บริการข้อมูลสภาพอากาศบอกในรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายนว่า พื้นที่ปลูกกาแฟหลักๆ ของบราซิลจะยังคงเผชิญกับสภาพอากาศแห้งแล้งต่อไปในสัปดาห์นี้ และระบุด้วยว่า ความชื้นในดินที่ไม่เพียงพอและปริมาณน้ำฝนที่น้อยจะไม่เอื้อต่อการออกดอกของกาแฟ
ขณะที่รอยเตอร์ (Reuters) รายงานผลกระทบต่อผู้บริโภคว่า ราคาซื้อขายเมล็ดกาแฟที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้ราคาเมล็ดกาแฟคั่วในร้านขายปลีกในสหรัฐฯในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 20.9% จากปีก่อนหน้า และกาแฟเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาอาหารในสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
