Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เศรษฐกิจกัมพูชาสะดุด! IMFหั่น GDP ปี68 เหลือ 4.8% หนี้พุ่งทะลุ4แสนล้าน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เศรษฐกิจกัมพูชาสะดุด! IMFหั่น GDP ปี68 เหลือ 4.8% หนี้พุ่งทะลุ4แสนล้าน

4 ก.ย. 68
12:00 น.
แชร์

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตเพียง 4.8% ในปี 2025 ลดลงจาก 6% ในปี 2024 เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า ความเสี่ยงในภาคการเงินที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดในภูมิภาค และข้อพิพาทชายแดนกับไทยที่ยังส่งผลกดดัน แม้เพิ่งมีการหยุดยิงก็ตาม

การประเมินนี้มีขึ้นภายหลังคณะผู้แทน IMF นำโดย นายเคนิจิโร คาชิวาเสะ ได้จัดการหารือกับทางการกัมพูชา ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา หน่วยงานสาธารณะ ภาคเอกชน และพันธมิตรด้านการพัฒนา ระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน ภายใต้กระบวนการตรวจสอบตามมาตรา IV โดยมีการแถลงสรุปเมื่อสิ้นสุดภารกิจ

“เศรษฐกิจกัมพูชาในปี 2024 มีผลงานที่แข็งแกร่ง โดย GDP ที่แท้จริงโตได้ถึง 6% จากแรงหนุนของการส่งออกเสื้อผ้าและสินค้าเกษตรที่ฟื้นตัว และการท่องเที่ยวที่กลับมาขยายตัว โมเมนตัมยังคงอยู่ในช่วงต้นปี 2025 แต่การเติบโตในปีหน้าจะชะลอลงเหลือ 4.8% เนื่องจากแรงกดดันด้านการค้าและชายแดน” คาชิวาเสะกล่าว พร้อมระบุว่า เงินเฟ้อปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะ 2.8% แต่ยังอยู่ในระดับควบคุมได้

การเงินกัมพูชาร่อแร่ หนี้สาธารณะสูง 99% เป็นหนี้ต่างประเทศ

IMF เตือนว่า ในครึ่งหลังของปี 2568 และช่วงปี 2569 เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มเอนเอียงไปทางลบอย่างชัดเจน หากความตึงเครียดทางการค้าและชายแดนรุนแรงเกินคาด อาจกดดันการส่งออก การท่องเที่ยว และการเติบโตโดยรวมให้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อระบบการเงินเริ่มเปราะบางมากขึ้น

ปัจจุบัน หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ในระบบธนาคารของกัมพูชาได้ขยับสูงกว่า 7% แล้ว โดยเพิ่มขึ้นเด่นชัดในภาคการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญที่พึ่งพานักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ระดับหนี้ภาคเอกชนที่อยู่ในเกณฑ์สูงยังเพิ่มแรงกดดันให้ทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือน หากปราศจากมาตรการแก้ไขอย่างจริงจัง ความเสี่ยงเหล่านี้อาจกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและบั่นทอนความสามารถในการเติบโตในอนาคต

ในมิติหนี้สาธารณะ กัมพูชามีมูลค่าคงค้างรวม 1.267 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2025 เพิ่มขึ้น 4% จาก 1.218 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ตามรายงานสถิติหนี้สาธารณะของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง โดยหนี้ภายนอกหรือหนี้จากต่างประเทศมีสัดส่วนสูงถึง 99% หรือ 1.254 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หนี้ภายในประเทศมีเพียง 1% หรือ 128.5 ล้านดอลลาร์ 

องค์ประกอบหนี้แสดงให้เห็นการพึ่งพาสกุลเงินหลักของโลกอย่างหนัก โดย 46% เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ 18% เป็นสิทธิพิเศษถอนเงิน (SDR) 11% เป็นเงินเยน 10% เป็นเงินหยวน 8% เป็นเงินยูโร และอีก 7% เป็นสกุลเงินท้องถิ่นรวมถึงสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยโลก

ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามกู้เงินผ่อนปรนฉบับใหม่จากพันธมิตรเพื่อการพัฒนามูลค่ารวม 116.66 ล้านดอลลาร์ รายงานระบุว่าเงินกู้ทั้งหมดถือว่ามีเงื่อนไขผ่อนปรนสูง โดยมีค่าองค์ประกอบการให้เปล่า (grant element) เฉลี่ยราว 36% ซึ่งช่วยลดภาระการชำระหนี้ในอนาคตได้บ้าง ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้ชำระหนี้แก่พันธมิตรเพื่อการพัฒนาไปแล้ว 59.11 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2

สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช อาวุธ พอนโมนิรอธ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ยืนยันว่าเงินกู้ทั้งหมดถูกนำไปใช้ลงทุนในโครงการสาธารณะที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข และการศึกษา เพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวและเพิ่มผลิตภาพของประเทศ รายงานยังระบุด้วยว่าสถานะหนี้สาธารณะโดยรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ยั่งยืน” และมี “ความเสี่ยงต่ำ” ต่อการผิดนัด โดยหนี้สาธารณะรวมคิดเป็น 18.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่ำกว่าเพดาน 40% ที่กำหนดไว้อย่างมาก

ทั้งนี้ แม้ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น IMF ยังเน้นว่าปัจจัยบวกยังมีอยู่ โดยเฉพาะหากแรงงานที่กลับจากต่างประเทศสามารถ reintegrate เข้าสู่ตลาดแรงงานในประเทศได้สำเร็จจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในและลดแรงกดดันจากภายนอกซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจกัมพูชาที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนหลัก

นโยบายการคลัง-การเงิน และการปฏิรูปโครงสร้าง

เพื่อลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจดังกล่าว ในด้านนโยบายการคลัง IMF แนะนำให้รัฐบาลดำเนินมาตรการช่วยเหลือแบบชั่วคราวและตรงเป้าหมายต่อครัวเรือนเปราะบางและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากช็อกทางเศรษฐกิจ แต่ต้องรักษาวินัยการคลังโดยรวมไม่ให้สั่นคลอน สำหรับระยะกลาง รัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้าลดการขาดดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเป็นมิตรต่อการเติบโตเพื่อสร้างกันชนทางการคลังและรักษาความยั่งยืนของหนี้สาธารณะ

หัวใจสำคัญคือการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดเก็บรายได้ที่น่าเชื่อถือผ่านการลดการยกเว้นภาษีที่กว้างขวางและเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีเพื่อเพิ่มพื้นที่งบประมาณสำหรับการใช้จ่ายที่จำเป็น อาทิ สวัสดิการสังคม การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยให้กัมพูชาสามารถรองรับแรงกระแทกจากเศรษฐกิจโลก พร้อมวางรากฐานการพัฒนาอย่างมั่นคงในระยะยาว

สำหรับนโยบายการเงิน IMF ชี้ว่า ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาควรดำเนินการอย่างยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ การเดินหน้าปฏิรูปกรอบนโยบายการเงินถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายและสนับสนุนยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ (de-dollarization)

ด้านภาคการเงิน IMF ระบุว่าการรักษาเสถียรภาพเป็น “ภารกิจหลัก” โดยคณะฯ สนับสนุนแผนของทางการในการจัดการกับ NPLs แต่เตือนว่าจำเป็นต้อง ยุติมาตรการผ่อนปรนทางกฎระเบียบ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ธนาคารสามารถกันสำรองหนี้เสียได้จริง นอกจากนี้ยังควรเสริมสร้าง การกำกับดูแลธนาคารและสถาบันการเงินนอกระบบ ที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และพัฒนากรอบการบริหารจัดการวิกฤติ รวมถึงกลไกการแก้ปัญหาสถาบันการเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ

IMF ยังเน้นย้ำว่ากัมพูชาต้องเร่ง ปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างขีดความสามารถการผลิตและกระจายแหล่งขับเคลื่อนการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศกำลังก้าวเข้าสู่การพ้นสถานะ ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ภายในสิ้นปี 2029 ความเร่งด่วนอยู่ที่การยกระดับ ผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เสริมสร้างธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชัน ยกระดับหลักนิติธรรมและสิทธิในทรัพย์สิน พัฒนาระบบสวัสดิการสังคม และลงทุนในทุนมนุษย์เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง

IMF ยังเสนอให้กัมพูชาจัดการกับข้อจำกัดด้านข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค ปรับปรุงคุณภาพสถิติ และเพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อช่วยยกระดับการกำหนดนโยบาย คณะ IMF ยืนยันว่าจะยังคงให้ ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการพัฒนาศักยภาพ แก่กัมพูชาต่อไป

กล่าวโดยสรุป IMF มองว่ากัมพูชากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้เศรษฐกิจปี 2024 จะโตได้ดี แต่ปี 2025 จะชะลอตัวลงขณะที่ความเสี่ยงรอบด้านยังถ่วงรั้งทั้งจากการค้า ชายแดน และหนี้เอกชน หากไม่มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและนโยบายที่มุ่งเน้นเสถียรภาพ เศรษฐกิจอาจเผชิญแรงกดดันรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน IMF ย้ำว่ากัมพูชามีโอกาสหากสามารถเร่งปฏิรูป พัฒนาทุนมนุษย์ และใช้โอกาสจากการบูรณาการแรงงานกลับประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต


แชร์
เศรษฐกิจกัมพูชาสะดุด! IMFหั่น GDP ปี68 เหลือ 4.8% หนี้พุ่งทะลุ4แสนล้าน