Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดใจคนไทยในออสฯ เมื่อเกิดกระแสต้านผู้อพยพ เศรษฐกิจออสซี่เป็นอย่างไร?
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

เปิดใจคนไทยในออสฯ เมื่อเกิดกระแสต้านผู้อพยพ เศรษฐกิจออสซี่เป็นอย่างไร?

2 ก.ย. 68
14:21 น.
แชร์

ออสเตรเลีย ประเทศแห่งความหวังและความฝันของผู้อพยพ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่สวยงาม อากาศที่ดี คนเฟรนลี่ ขึ้นชื่อในเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรมหรือ Multicultural country และค่าแรงขั้นต่ำที่สูงถึง 500 บาท/ ชั่วโมง ($24.95) ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปทำงานที่นั้น

ส่งผลให้ในแต่ละปีออสเตรเลียมีผู้อพยพ (migration) เดินทางเข้าประเทศมากกว่า 500,000 คน ซึ่งบางคนอาจมองว่าฝันร้ายของประเทศที่มีผู้อพยพเยอะ = จะมาแย่งงานคนในประเทศ แต่รู้หรือไม่ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยผู้อพยพ

เพราะหากใครศึกษาประวัติศาสตร์จะรู้ว่าชนพื้นเมืองที่เป็น first people คือชาว aboriginal people ก่อนที่ชาวผิวขาวจะเข้ามา ซึ่งตอนนี้มีออสเตรเลียมีประชากรกว่า 27 ล้านคน แต่ชาว aboriginal people มีเพียง 1 ล้านคน นั้นก็แปลว่าประชากรกว่า 26 ล้านคนนั้นเป็นผู้อพยพที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ออสเตรเลีย

หรือหากถ้าจะพูดถึงเหล่าผู้อพยพใหม่ที่เข้ามาเป็นฟันเฟื่องให้เศรษฐกิจออสเตรเลียหมุนเวียน เช่น เงินจากนักศึกษาต่างชาติที่หลังไหลเข้ามาเรียน (ค่าเทอมแพงกว่าชาวออสซี่กว่า 4 เท่า) หรือ การเข้ามาเติมเต็มกลุ่มสายอาชีพที่ชาวออสซี่ไม่อยากทำ (เช่น เด็กเสิร์ฟ เกษตร เหมืองแร่)

แต่วันนี้ ได้เกิดกระแสต่อต้านผู้อพยพ โดยกลุ่ม March for Australia ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประท้วง ทั่ว 8 หัวเมืองใหญ่ของประเทศ แค่ที่ซิดนีย์เมืองเดียวก็มีผู้ประท้วงกว่า 8,000 คน เกิดอะไรขึ้นกับออสเตรเลีย? ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความ diversity สูงที่สุด สรุปแล้วออสเตรเลียยังเป็นประเทศแห่งความฝันและความหวังของผู้อพยพหรือไม่?

บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาหาคำตอบ โดยจะมีข้อมูลทั้งข่าว บทสัมภาษณ์พูดคุยกับคุณเบส เจ้าของเพจลักพาตัวเองมาเล่า นักธุรกิจและผู้อพยพไทยสู่ออสเตรเลีย และจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่ได้มีโอกาสไปอยู่ออสเตรเลียกว่า 7 ปี

เกิดอะไรขึ้นที่ออสเตรเลีย ?

หากใครติดตามข่าวโดยเฉพาะใน TikTok จากอินฟลูเอนเซอร์ออสเตรเลีย น่าจะได้เห็นคลิปที่อินฟลูทุกคนต่างอัดคลิปเพื่อกระจายข่าว ‘หากใครไม่มีความจำเป็น ห้ามออกจากบ้าน ในวันที่ 31 ส.ค.68 เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ’

เพราะวันที่ 31 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ได้เกิดม็อปกระแสต่อต้านผู้อพยพทั่วออสเตรเลีย ในชื่อว่า “March for Australia” การประท้วงในครั้งนี้ดูใหญ่กว่าทุกครั้งเนื่องจากเกิดขึ้นพร้อมกับทั่ว 8 หัวเมืองใหญ่ของออสเตรเลีย

ทำให้สถานเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์รา ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในออสเตรเลียผ่าน Facebook ว่า

“แม้การชุมนุมในออสเตรเลียโดยทั่วไปจะเป็นไปโดยสันติ แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องในประเด็นอ่อนไหวต่อรัฐบาลออสเตรเลียให้ลดจำนวนผู้อพยพ ซึ่งรวมถึงนักเรียนและแรงงานต่างชาติ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมมองว่าส่งผลให้ค่าครองชีพในออสเตรเลียสูงขึ้น และเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับผู้จัดและผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีกลุ่มผู้มีความคิดสุดโต่งรวมอยู่ด้วยในการนี้

สถานเอกอัคราชฑูตจึงขอให้คนไทยในออสเตรเลียใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเดินทางไปในบริเวณการชุมนุมดังกล่าวหรือพื้นที่ใกล้เคียง ใน 8 เมืองเหล่านี้ “

คำถามคือ กลุ่ม March for Australia ต้องการอะไร ทำไมอยู่ดีๆถึงเกิดการต่อต้านผู้อพยพ ?

จากข้อมูลบน website ของ March for Australia นั้นไม่ได้ระบุชัดเจนว่าวัตถุประสงค์ในการประท้วงคืออะไร หรืออยากเรียกร้องอะไร หรือพูดง่ายๆว่าค่อนข้างมีความคลุมเครือ

คุณเบส ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า เมื่อตอนที่ได้เห็นการประกาศว่าจะเกิดการประท้วง March for Australia ตอนแรกค่อนข้างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะส่วนตัวตนก็เป็นคนไทยที่ได้สัญชาติออสเตรเลียและอยู่ออสเตรเลียมาตั้งแต่เด็กๆก็ไม่เคยเห็นการประท้วงแบบนี้มาก่อนเลยได้มีการหาข้อมูล และพบว่ากลุ่มเหล่านี้คือกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาจัด (ชาตินิยมแบบสุดโต่ง) ที่ต้องการลดปริมาณของกลุ่มผู้อพยพต่างชาติที่เข้ามายังออสเตรเลีย แม้ไม่ได้พูดว่าขับไล่ออกไป แต่มันคือการแอนตี้ โดยแต่ละคนที่มีความต้องการที่สิ่งที่ไม่ชอบที่แตกต่างกัน เช่น

  • ไม่เอา refugee ที่เข้ามาแล้วไม่ทำงาน แล้วมาเอาเงินภาษีของพวกเราไปใช้แบบสบายๆ
  • ไม่เอานักเรียนต่างชาติที่เยอะจนเกินไป รัฐบาลควรจำกัด student visa
  • ไม่เอานักลงทุนต่างชาติ
  • ไม่เอานายทุนสัปทานเหมือง

แม้ว่าสิ่งที่ต้องการแตกต่างกันแต่ยอดพีระมิดนั้นคือ = คนต่างชาติ คุณเบส ยังได้เล่าต่ออีกว่า คิดว่าส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการประท้วงในครั้งนี้ คือ “เรื่องเศรษฐกิจ” ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่าบ้านแพง คนหางานทำไม่ได้ เด็กจบใหม่ไม่มีงานทำ ค่าครองชีพสูงไม่สอดคล้องกับรายได้ และเมื่อเศรษฐกิจแย่กลุ่มคนเหล่านี้เลยมองว่า เพราะกลุ่มผู้อพยพเข้ามาแย่งงานพวกเขา

ลองจินตาการเปรียบเทียบตามง่ายๆ เหมือนกับถ้าประเทศไทยเศรษฐกิจแย่ นอกจากการว่ารัฐบาลแล้วเราก็ก็ม็อปประท้วงแรงงานต่างดาวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย เพราะมาแย่งงานคนไทย (แต่บางงานเราคนไทยเองยังไม่อยากทำ ?)

เศรษฐกิจออสเตรเลียตอนนี้เป็นอย่างไร ?

จากข้อมูลของสื่อ SBS ตอนนี้ ออสเตรเลียกำลังเผชิญปัญหาเรื่องปัญหาค่าครองชีพสูง การเข้าถึงที่อยู่อาศัย (ค่าเช่าบ้านแพง) การเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศ และด้วยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การเกิดของจำนวนประชากร หรือพูดง่ายๆ คือ “เศรษฐกิจแย่ คนไม่อยากมีลูก”

จากข้อมูลของ บริษัท KPMG พบว่า ปี 2024 ที่ผ่านมามีเด็กเกิดใหม่ในออสเตรเลียเพียง 292,500 คน และในระหว่างปี 2019 ถึง 2024 ในเขตเมืองใหญ่มีอัตราการเกิดลดลงชัดเจน โดยจำนวนการเกิดในเมืองหลวงในรัฐต่าง ๆ ลดลงถึง 6.5% โดยปัญหาหลักที่ทำให้คนไม่อยากมีลูก คือเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาการเงิน และค่าครองชีพ โดยเฉพาะคนที่อยู่เมืองใหญ่ๆอย่างซิดนีย์และเมลเบิร์น

คุณเบสได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “ตอนนี้ของทุกอย่างแพง ค่าเช่าบ้านแพงขึ้นอย่างน่ากลัว คนกระจุกอยู่แต่ในเมือง จะสร้างเมืองให้ขยายตัวก็ยาก เด็กจบใหม่ไม่มีงานทำ รายได้ไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย มันคือความห่วยแตกของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตอนนี้”

ค่าเช่าบ้านแพง อย่างน่ากลัว

คุณเบสได้เล่าต่อว่า รายได้เฉลี่ยของชาวออสซี่อยู่ที่ประมาณ 55,000-65,000 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือราว 1,160,827 –1,371,886 บาท แต่ตอนนี้ค่าเช่าบ้าน (ในหัวเมืองใหญ่) ก็ตกปีละ 52,000 ออสเตรเลียดอลลาร์ หรือราว 1,097,509 บาท นี่ยังไม่รวมรายจ่ายที่ต้องใช้อื่นๆในชีวิตประจำวัน แล้วมันจะพอได้อย่างไร?

อย่างเพื่อนคุณเบสที่ได้เช่าห้องในเมืองซิดนีย์ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำในปี 2022 อยู่ที่ 430 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ (หรือราว 9,075 บาท/สัปดาห์) แต่ตอนนี้ปี 2025 ราคาค่าเช่าห้องเดิมขึ้นไปที่ 680 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ (หรือราว 14,352 บาท/สัปดาห์) ขึ้นราคากว่า58% ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่เคยได้เช่าบ้านอยู่ที่ซิดนีย์ออสเตรเลีย เมื่อปี 2020 ซึ่งเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำโลเคชั่นอยู่ใจกลางเมืองติดรถไฟ ข้างล่างมีซุปเปอร์มารเก็ต เคยเช่าอยู่ที่ 600 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ (หรือราว 12,663 บาท/สัปดาห์) ซึ่งในตอนนั้นค่าเช่าเพิ่มขึ้นทุกปี จาก 600 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ ในปี 2020 เป็น 670 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ ในปี 2021 และกลายเป็น 750 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ในปี 2022 และในวันที่ตัดสินใจย้ายออก ทางเจ้าของได้มีการประกาศหาผู้เช่าต่อในเว็ปไซต์ และจะมีผู้เช่าที่สนใจนัดมาดูห้องเรื่อยๆในวันที่เรายังอยู่อาศัย 1 ในวันเคยเปิดห้องให้คนที่สนใจเข้ามาดูมากที่สุดกว่า 30 คน และตอนนี้ห้องเช่าเดิมที่ผู้เขียนเคยอยู่อาศัยราคาพุ่งไปอยู่ที่ 1,200 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ สัปดาห์ (หรือราว 25,327 บาท/สัปดาห์) และยังได้ทราบอีกว่ามีการประมูลแข่งกันเพื่อชิงห้อง เช่นราคาปล่อยเช่า 1,200 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ บางผู้เช่าอยากได้ห้องนี้จริงๆจะมีการเสนอให้เจ้าของด้วยมูลค่าห้องที่เพิ่มขึ้น เช่นผู้เช่ารายนี้ให้ 1,250 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์ อีกเจ้าหนึ่งให้ 1,300 ออสเตรเลียดอลลาร์/ สัปดาห์

ส่วนเพื่อนๆของผู้เขียนที่เคยเช่าบ้านอยู่ในเมืองด้วยกันสมัยที่ผู้เขียนยังอยู่ที่ออสเตรเลีย ตอนนี้ก็ได้มีการย้ายจากการอยู่ในเมืองไปอยู่นอกเมืองมากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า “สู้ราคาค่าเช่าไม่ไหว แพงเกินไป”

ของกินของใช้ แพง สินค้าขาดตลาด

คุณเบสได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังในฐานะที่ตนเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจร้านขนมหวาน Homm ว่า กลุ่มสินค้าประเภท dairy products (นม เนย ชีส ไข่) มีราคาแพงขึ้นมาก ซึ่งจากปี 2024 ถึงปี 2025 มีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 12% แต่ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของร้านขนมหวาน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นที่เป็นส่วนผสมหลัก ไม่สามารถซื้อน้อยลงได้ และไม่สามารถลดเกรด ลดคุณภาพของสินค้าได้ เพราะจะส่งผลต่อรสชาติของขนมหวาน

และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ และไม่สามารถขอลดเงินพนักงานได้ (เพราะไม่อยากจ่ายต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ) สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการคือ การแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่เคยอยู่ออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 2016 -2023 พบว่าสินค้ามีการปรับราคาขึ้นทุกปีจริง แต่อาจจะไม่ได้ขึ้นราคารุนแรงมาก มีบางครั้งที่สินค้าบางอย่างขาดตลาด เช่นผัก ผลไม้ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม หรือภัยแล้ง ร้านอาหารบางร้านเลือกที่จะปรับราคาขึ้น พร้อมกับติดป้ายประกาศขอความเห็นใจจากผู้บริโภค ว่าต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นความคิดเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนและคุณเบส ที่ได้มีโอกาสไปอยู่ที่ออสเตรเลีย แต่สะท้อนให้เห็นว่า ในวันที่เศรษฐกิจแย่ รัฐบาลไม่มีนโยบายเข้ามาช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงได้ ประชาชนย่อมได้รับผลประทบตาม และเมื่อคนมีอารมณ์มีความโกรธเพราะไม่มีกิน ก็ทำให้เกิดกระแสการสร้างชาตินิยม การเรียกร้องเพื่อพวกพ้องของตนเอง อย่างเช่น กลุ่ม March for Australia

ซึ่งก็ต้องยอมรับตามตรงว่าตกใจมากเมื่อเห็นกระแสต่อต้านผู้อพยพ เพราะจากที่เรียนและใช้ชีวิตมากว่า 7 ปี ออสเตรเลียเป็นประเทศที่คนเฟรนลี่ ยอมรับในความแตกต่าง และให้เกียรติกลุ่มคนที่ไม่ได้มีเชื้อชาติเดียวกัน ในมหาลัยก็มี campaign ‘racism is never ok’ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้รับประสบการณ์การเหยียดสักครั้ง แม้ในช่วงโควิด ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อนออสซี่หรือกลุ่มชาติอื่นๆ และหวังว่ากระแสต่อต้านผู้อพยพในออสเตรเลียจะคลี่คลายได้โดยเร็ว เพราะไม่ว่าคุณจะเชื้อชาติไหน สีผิวไหน ก็ไม่สมควรถูกเหยียดหรือแอนตี้ ตราบใดที่คุณอยู่อย่างถูกกฎหมาย จ่ายภาษีถูกต้อง และไม่ทำผิดต่อใคร Good onya!

แชร์
เปิดใจคนไทยในออสฯ เมื่อเกิดกระแสต้านผู้อพยพ เศรษฐกิจออสซี่เป็นอย่างไร?