ทรัมป์จัดให้! กาตาร์เซ็นดีลเครื่องบินBoeing 210 ลำ รวม 3.2 ล้านล้านบาท
โบอิ้งและกาตาร์แอร์เวย์ส ลงนามข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งสองบริษัทได้ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยสายการบินแห่งตะวันออกกลางเตรียมสั่งซื้อเครื่องบินจากโบอิ้งสูงสุดถึง 210 ลำ ถือเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้าง (widebody) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตสัญชาติสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อตกลงนี้ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกาตาร์แอร์เวย์ส ครอบคลุมเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ จำนวน 130 ลำ และโบอิ้ง 777-9 ที่ประสบปัญหาล่าช้าอย่างยาวนานอีก 30 ลำ พร้อมตัวเลือกสำหรับสั่งซื้อเพิ่มเติมอีกสูงสุด 50 ลำ ตามแถลงการณ์ร่วมของทั้งสองบริษัท
นอกจากนี้ กาตาร์แอร์เวย์สยังได้ลงนามข้อตกลงกับ GE Aerospace สำหรับการจัดซื้อเครื่องยนต์มากกว่า 400 เครื่อง เพื่อใช้กับฝูงบินใหม่ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการสั่งซื้อเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ GE Aerospace เช่นกัน
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นในช่วงเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีทรัมป์
การลงนามครั้งนี้มีขึ้นระหว่างการเยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนตะวันออกกลางเป็นเวลา 4 วัน โดยพิธีลงนามจัดขึ้นที่พระราชวังอามิริ ดิวาน กรุงโดฮา โดยมีนายเคลลี่ ออร์ทเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโบอิ้ง ร่วมปรากฏตัวเคียงข้างทรัมป์
นายบัดร์ โมฮัมเหม็ด อัลมีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกาตาร์แอร์เวย์ส เปิดเผยว่า "นี่คือก้าวสำคัญในการเดินหน้าลงทุนในฝูงบินที่สะอาดที่สุด ทันสมัยที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก เพื่อรองรับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้นและเชื่อมโยงผู้โดยสารทั่วโลกได้อย่างไร้รอยต่อ"
ขณะที่สเตฟานี โพ๊ป ประธานโบอิ้ง คอมเมอร์เชียล แอร์เพลนส์ กล่าวว่า "คำสั่งซื้อครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ฝูงบินในอนาคตของกาตาร์แอร์เวย์ส โดยมีเครื่องบินลำตัวกว้างที่ดีที่สุดในตลาดเป็นหัวใจหลัก"
ทำเนียบขาวประเมินว่าข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 96,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท และจะสนับสนุนการจ้างงานในสหรัฐฯ ปีละ 154,000 ตำแหน่ง และมากกว่าหนึ่งล้านตำแหน่งตลอดอายุโครงการ
อย่างไรก็ตาม โบอิ้งและกาตาร์แอร์เวย์สประเมินว่าดีลนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐฯ ราว 400,000 ตำแหน่ง โดยในปัจจุบันโบอิ้งมีพนักงานอยู่ราว 170,000 คนทั่วโลก
ทรัมป์กล่าวภายหลังการลงนามว่า "นี่คือคำสั่งซื้อเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโบอิ้ง" ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกสำหรับบริษัทที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้เลยนับตั้งแต่ปี 2018
โบอิ้งเร่งฟื้นตัวจากวิกฤต คาดดีลนี้เป็น 'ตัวพลิกเกม'
โบอิ้งเผชิญปัญหาร้ายแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องความปลอดภัยของเครื่องบิน ข้อบกพร่องในการผลิต ต้นทุนการผลิตที่บานปลาย และการนัดหยุดงานของช่างเทคนิคเกือบสองเดือนในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เมื่อจีนระงับการรับมอบเครื่องบินโบอิ้งเพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ล่าสุดโบอิ้งเริ่มลดการขาดทุนลงได้บ้าง โดยเดินหน้าแก้ไขปัญหาคำสั่งซื้อที่ค้างส่งมอบซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ตามคำกล่าวของออร์ทเบิร์กในการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก
วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม พรรครีพับลิกันแห่งเซาท์แคโรไลนา กล่าวชื่นชมข้อตกลงนี้ว่า "เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับรัฐเซาท์แคโรไลนาและโบอิ้ง" พร้อมระบุว่าสัญญานี้จะเป็น "ตัวพลิกเกม" (gamechanger) โดยเครื่องบินใหม่จะถูกประกอบที่โรงงานโบอิ้งในเมืองชาร์ลสตัน
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ กาตาร์แอร์เวย์สมีเครื่องบินประจำการ 233 ลำในปัจจุบัน ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้จะทำให้ขนาดฝูงบินของสายการบินเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ทั้งนี้ ข้อตกลงครั้งนี้ยังอาจนำไปสู่การจับตามองในประเด็นที่กาตาร์เสนอจะมอบเครื่องบินโบอิ้ง 747 สุดหรูให้สหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งใหม่ของประธานาธิบดี (Air Force One)
ข้อเสนอดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคเดโมแครตว่าเข้าข่ายทุจริตและขัดรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน พันธมิตรบางส่วนของทรัมป์ในฝ่ายรัฐบาลและสื่อก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเหมาะสมของการรับของขวัญครั้งนี้เช่นกัน
