เห็นทีสงครามรัสเซียยูเครน ในครั้งนี้จะไม่ได้รบกันด้วยอาวุธเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! หลังกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดัง ‘Anonymous’ ประกาศทำสงครามทางไซเบอร์กับรัสเซีย และบรรดาโซเชียลมีเดียรุมแบนคอนเทนต์จากฝั่งรัฐบาลปูติน
กลุ่มแฮกเกอร์ ‘Anonymous’ ประกาศสงครามไซเบอร์กับรัสเซีย
กลุ่มแฮกเกอร์นิรนามชื่อดังก้องโลก ‘Anonymous’ ที่หลายคนยกให้เป็น ‘โรบินฮู้ดแห่งศตวรรษที่ 21’ ที่มักออกมาเคลื่อนไหวด้านไซเบอร์ ต่อต้านความอยุติธรรมของรัฐบาลหรือบริษัทต่างๆ ได้ออกมาประกาศผ่านช่องทางทวิตเตอร์ว่า ‘ปฏิบัติการของพวกเราจะพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลรัสเซีย’ และได้บุกยึดเว็บไซต์สำคัญของรัสเซีย 3 แห่งด้วยกัน คือ 1. เว็บไซต์ RT.com ของสื่อโทรทัศน์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซีย 2. เว็บไซต์กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย 3. เว็บไซต์ Kremlin.ru ของรัฐบาลรัสเซีย (เทียบได้กับเว็บไซต์ไทยคู่ฟ้าของบ้านเรา)
นอกจากนี้ Anonymous ยังส่งสารไปถึงประชาชนชาวรัสเซียอีกว่า เป้าหมายของพวกเขาคือรัฐบาลรัสเซีย ไม่ใช่ประชาชน
“เราอยากให้ประชาชนชาวรัสเซียเข้าใจว่า เรารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะแสดงออก ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการท่ามกลางความกลัวว่าจะถูกรัฐบาลหมายหัว”
“เราค่อนข้างเชื่อว่าการคว่ำบาตรเพื่อต่อต้านอาชญกรรมของระบอบปูตินจะไม่สัมฤทธิ์ผล Anonymous จึงจะยกระดับการโจมตีรัฐบาลรัสเซียในช่วงบ่ายนี้”
เฟซบุ๊ก - ทวิตเตอร์ - ยูทูบ ร่วมใจแสดงจุดยืน แบนรัฐบาลรัสเซีย
หลังก่อนหน้านี้มีรายงานว่า แพลตฟอร์มทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กในรัสเซียไม่สามารถใช้การได้ชั่วคราว โดยรัฐบาลรัสเซียได้ออกมากล่าวหาเฟซบุ๊กว่า ‘ละเมิดสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชนชาวรัสเซีย’ ล่าสุด สามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ได้แก่ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ออกมาแสดงจุดยืนในการไม่สนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามครั้งนี้แล้ว
โดยเฟซบุ๊ก และ ยูทูบ บล็อกโฆษณาที่จะสร้างรายได้ให้กับสื่อฝั่งรัฐบาลรัสเซีย ส่วนทวิตเตอร์ ได้ระงับการโฆษณาทั้งหมดในประเทศยูเครน และรัสเซีย เป็นการชั่วคราว
นอกจากนี้ ยูทูบยังได้แบนช่องนับร้อยช่อง และถอดวิดีโอนับพันวิดีโอออกจากระบบ หลังพบว่าแพร่กระจายข่าวลวงให้กับผู้ชม ด้านเฟซบุ๊ก ได้ตั้งทีมพิเศษเพื่อติดตามสถานการณ์ของสงครามที่เกิดขึ้น และถอดคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสมออกจากระบบ ส่วนทวิตเตอร์ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราทวีตเพื่อป้องการข้อมูลชวนเชื่อและข่าวลวง รวมถึงป้องกันบัญชีผู้ใช้ของบุคคลสำคัญได้แก่ผู้สื่อข่าว นักเคลื่อนไหว หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบรรดาบริษัทโซเชียลมีเดียถูกกดดันให้แสดงเจตนารมย์ต่อต้านการทำสงครามของรัสเซีย ลดการแพร่กระจายข่าวลวง และยุติการแสวงหาผลประโยชน์จากสงครามในครั้งนี้