ธุรกิจการตลาด

รู้จัก Believe Digital Music จากบริษัทเทคฯ สู่ค่ายเพลง ที่นํา AI มาช่วยบริหาร

19 ธ.ค. 66
รู้จัก Believe Digital Music จากบริษัทเทคฯ สู่ค่ายเพลง ที่นํา AI มาช่วยบริหาร

istock-174617320_1

หนึ่งในภาคธุรกิจที่โดนดิสรัปมากที่สุดในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป นั่นคืออุตสาหกรรมเพลง’ หาได้ยากมากแล้วที่ศิลปินหรือวงจะมีผลงานเป็น 10 เพลงออกมาใน1 อัลบั้มเหมือนเมื่อราว10 -20 ปีที่ผ่านมา ค่ายเพลงจะสามารถขายเทป ซีดี หรือจัดคอนเสิร์ตให้กับศิลปินได้ถี่ๆเหมือนในอดีต

SPOTLIGHT เลยอยากชวนทุกคนมาเจาะลึกความท้าทายของอุตสาหกรรมเพลงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และ การเข้ามาตีตลาดในไทยในช่วงจุดพลิกผันของวงการเพลงไทยอย่าง ค่ายเพลง Believe Digital Music ชื่อที่คนไทยอาจยังไม่คุ้น แต่เค้าอยู่ในวงการเพลงมานานกว่าทศวรรษ และความน่าสนใจของ Believe Digital Music คือ วันนี้เค้าเป็นค่ายเพลงที่นํา ‘AI’ มาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาด

มรสุมของอุตสาหกรรมเพลง  

เทปผีซีดีเถื่อน

หากเราย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา วงการเพลงทั่วโลกต้องพบเจอกับ ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบของ เทปผีซีดีเถื่อน ที่ขายตามตลาดนัดชื่อดัง เช่น ร้านค้าย่านบ้านหม้อ คลองถม สะพานเหล็ก ซึ่งจากการสำรวจในปี 51 พบว่า เทปผีซีดีเถื่อนมีการผลิตมากกว่า 20 ล้านแผ่น/ปี และสร้างผลกระทบความเสียหายให้กับผลิตภัณฑ์ ซีดี ที่เป็นของจริงไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาท

istock-471548551

การดาวน์โหลดละเมิดลิขสิทธิ์

ขณะเดียวกัน วงการเพลงยังคงพบเจอกับวิกฤตการละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านการดาวน์โหลดเสียงสายเรียกเข้า ที่จัดจำหน่ายตามร้านค้าและตามศูนย์การค้า เช่น Download Rington, Calling melody, Full song อีกทั้งยังมีการดาวน์โหลดเพลงผ่านทางเว็ปไซต์ โดยมีการแลกเปลี่ยนไฟล์เพลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ์

จากการดาวน์โหลดเพลงผิดลิขสิทธิ์ ส่งผลให้ อุตหกรรมเพลงไทยในปี 51 มีรายได้หดตัวมากกว่า 5 พันล้านบาท และยอดขายเทปและแผ่นเพลงถูกลิขสิทธิ์ตกลงอย่างน่าตกใจ จาก 6 พันล้านเหลือเพียง 3.5 พันล้าน แม้ว่ายอดการบริโภคเพลงมีการเพิ่มขึ้นสูง

จากปัญหาเหล่านี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเทปผีซีดีเถื่อนและการดาวน์โหลดละเมิดลิขสิทธิ์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อศิลปิน และค่ายเพลงทั้งด้านจิตใจที่ย่อท้อต่อการผลิตและสร้างสรรค์ผลงานเพลงใหม่ รายได้ที่หดตัวลง ไปจนถึงค่ายเพลงต้องมีการเลิกจ้างศิลปินและปิดกิจการลงในที่สุด

istock-1158778982(1)

การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพลง

หากใครที่เป็นเด็กยุค 80-90’s เราอาจจะคุ้นชินกับการมีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ครองตลาดอยู่เพียงไม่กี่เจ้า ศิลปินนักร้องก็จำเป็นต้องมีสังกัดในการทำงานเพลง เนื่องจากต้องใช้เงินทุนในการผลิตผลงานต่างๆ แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ศิลปินอิสระหน้าใหม่เริ่มผุดขึ้นมามากมาย กลายเป็นปรากฏการณ์ ใหม่มาพลิกบทบาทของค่ายเพลงยักษ์ที่เคยเป็นผู้เล่นหลักในวงการอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

การปรากฏตัวของศิลปินอิสระเหล่านี้ เกิดขึ้นใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ Believe Digital Thailand เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยพอดี ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการเพลงไทย ซึ่งหลายๆ คนอาจไม่เคยรู้ว่า Believe Digital เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการดูแลศิลปินตัวปังในไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น YOUNGOHM, SARAN, UrboyTJ, TIMETHAI, โบกี้ ไลอ้อน, fellow fellow, ก้อง ห้วยไร่, เบิ้ล ปทุมราช, จินตหรา พูลลาภ และรวมไปถึงค่ายต่างๆ เช่น What The Duck, Loveis, Small Room, YUPP และอีกมากมาย

ad05349e-3a65-4314-976f-bfb39

รู้จัก Believe Digital Music

Believe Digital Thailand เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการบริหารจัดการเพลงในระบบ Digital Streaming มานานถึง 17 ปี และได้ดำเนินงานในประเทศไทยแล้วกว่า 10 ปี และมีเครือข่ายอยู่อีกถึง 54 ประเทศทั่วโลก โดยเริ่มแรก Believe Digital Music เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ได้ผันตัวมาทำค่ายเพลงโดยมีจุดแข็งในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ได้เข้ามาเติมเต็มและตอบโจทย์แก่ศิลปินท่ามกลางยุคสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

โดย Believe Digital Music มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์เฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Tech Company

 777804

ส่องความล้ำเทคโนโลยีของ Believe Digital Music

รากฐานของ Believe มาจากบริษัทเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาและสร้างเทคโนโลยี AIของตัวเอง ทั้งการเก็บ Data เพื่อจัดการข้อมูลด้วยความแม่นยำในการบริหารให้กับศิลปิน ผสมผสานกับความชำนาญและประสบการณ์โดยตรงของมนุษย์ เพื่อวิเคราะห์ทิศทางเพื่อการพัฒนาและวางกลยุทธ์ให้กับศิลปิน เพื่อความเข้าใจที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

แพลตฟอร์ม Backstage

แพลตฟอร์ม‘Backstage’ คือระบบหลังบ้านที่มีการเชื่อมต่อกับ ระบบ online store มี AI ทำงานร่วมกับระบบจัดการเทคโนโลยี ช่วยส่งเพลงให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วและตรงที่สุด ซึ่ง Backstage ทำหน้าที่ทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อ จัดเก็บและอ่านข้อมูล รวมถึงช่วยคำนวณรายได้ให้กับศิลปินในกลุ่ม Digital Streaming ทั้งนี้เพื่อสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการผลประโยชน์ รวมถึงการมอบอิสระในการสร้างผลงานให้กับศิลปิน

istock-1191632784

ระบบ Sentric

ระบบ Sentric คือบริการล่าสุดที่ทาง Believe Digital Music เพิ่งมีการพัฒนาเพื่อดูแลผลประโยชน์ช่วยเก็บรายได้ด้านลิขสิทธิ์ หากเพลงของศิลปินถูกนำไปใช้ในช่องทางอื่นๆ ทั้งจากกลุ่มบุคคลในประเทศและต่างประเทศ

ดันศิลปินด้วย Generative AI ด้วย 3Cs + 1T

  • CONSENT ทุกกิจกรรมและการกระทำใดๆ ทาง Believe ต้องได้รับการยินยอมจากศิลปินก่อน

  • CONTROL ศิลปินจะมีอำนาจในสิทธิการตัดสินใจ รวมถึงการดูแลผลประโยชน์จากผลงานที่เป็นสินทรัพย์ของตัวเอง

  • COMPENSATION จากการผลิตผลงานและการขับเคลื่อนผ่านระบบ AI ของ Believe จะเป็นไปเพื่อให้ศิลปินได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

  •  TRANSPARENCY นับเป็นคุณค่าหลักของ Believe นับตั้งแต่วันแรก ที่ต้องการสร้างความโปร่งใสในการดูแลผลประโยชน์ให้กับศิลปิน ดังนั้นไม่ว่ากระบวนการทำงานจะผ่านกี่ขั้นตอน ทุกอย่างต้องโปร่งใสต่อศิลปินที่สุด โดยเฉพาะเรามีเทคโนโลยีช่วยตรวจจับ fake streaming ได้อย่างแม่นยำ

เจาะ 3 โครงสร้างการบริหารศิลปินของ Believe

believetiermodel

1.TUNECORE

: ขั้นแรกเริ่มที่ศิลปินสามารถเข้ามาเปิดบัญชีสมาชิก (Subscription) เพื่อใช้บริการแพลตฟอร์มส่งเพลงขึ้นระบบ Online Store กับ Believe Digital

หลังจากนั้นจะเป็นการทำงานของระบบเทคโนโลยี 100% ที่จะจับความเคลื่อนไหว เก็บข้อมูลของผู้ฟัง และจัดส่งรายได้ให้ศิลปิน โดยขั้นตอนนี้เรียกว่าเป็นช่วง ‘Entry Level’ ซึ่งจะยังไม่มีการโปรโมทใดๆ บน Online Store

โดย tuneCORE มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกา Believe Digital ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาและตอนนี้ได้นำมาใช้ในประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดอุตสากรรมเพลงที่เติบโตและมีศักยภาพ โดยดูจากศิลปินอิสระมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือดิจิทัลในสายงานดนตรี พร้อมกับมีผู้ฟัง digital streaming เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

istock-578294308

2.BELIEVE LABEL & ARTIST SOLUTION

: ขั้นนี้จะเป็นการยกระดับศิลปิน หลังจากที่ระบบ tuneCORE มีข้อมูลบ่งชี้มากพอว่าจำนวนและสไตล์เพลงของศิลปินท่านนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ฟังในระบบและมีแนวโน้มพัฒนาต่อยอดได้

ในขั้นตอนนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ AI 70% ในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยเพิ่มยอด Streaming พร้อมทั้ง pitching หาพื้นที่โปรโมทบน online store ให้ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ส่วนอีก 30% เป็นการตีโจทย์ทิศทางการต่อยอดให้กับศิลปินโดยทีมงาน

ซึ่งขั้นที่ 2 นี้ Believe Digital ให้บริการได้ทั้งสเกลแบบบุคคล เช่น ศิลปินอิสระ และสเกลระดับค่ายที่มีศิลปินในการดูแลอยู่แล้ว เช่น What the Duck, Small Room, Loveis, Yupp, High Cloud หรือกลุ่มที่เรียกว่า Independent Label

153089642_149237117020065_486

3.BELIEVE ARTIST SERVICES

: ขั้นนี้นับเป็นการปั้นยูนิคอร์นที่ทาง Believe Digital Thailand จัดให้กับศิลปินที่มีคุณลักษณะที่พร้อม ทั้งด้านความสามารถในเรื่องเพลง ความรับผิดชอบในการผลิตผลงาน วินัยในการทำงานและความสม่ำเสมอ

หน้าที่หลักของขั้นตอนนี้คือดันศิลปินกลุ่มนี้ให้เป็น ‘Top Artist’ คือ ติดอันดับ 1-20 ศิลปินเบอร์ต้นของประเทศ โดยมีสัดส่วนการบริหารจัดการระหว่างระบบ AI 30% และอีก 70% เป็นทีมงาน Digital Marketing เฉพาะเจาะจงสำหรับศิลปินแต่ละราย ช่วยดูว่าศิลปินท่านนี้ เหมาะกับตำแหน่งในตลาดแบบไหน สามารถเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์แนวไหนได้บ้าง ออกคอนเสิร์ตลักษณะไหนที่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ Believe ยังมีทุนให้ศิลปินไปทำ MV โดยไม่ได้เข้าไปควบคุมหรือจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินอีกด้วย โดยมีข้อแม้ว่าพวกเขาต้องทำผลงานออกมาให้มีคุณภาพ ทั้งหมดนี้จะมีทีมงานช่วยวางแผนครบทั้งระบบ

w644

 

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT