ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้ากลับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้ ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสายสีเขียวไปปากน้ำและนครปฐมเป็นเส้นทางที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด แซงบางพลีไปเป็นที่เรียบร้อย
จากข้อมูล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(reic) เผยราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสายสีเขียวไปปากน้ำและนครปฐมเป็นเส้นทางที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด แซงบางพลีไปเป็นที่เรียบร้อย
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่าน สำหรับในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 นี้ ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยหลักมาจากโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว และความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเมือง ประกอบกับมีแนวเส้นทางรถไฟฟ้าต่อขยายเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ชานเมือง ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นทำเลทองสำหรับการพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะในจังหวัดปริมณฑล
ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า สายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) และ สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เป็นโครงการที่มีราคาที่ดินสูงสุด มีค่าดัชนีเท่ากับ 254.9 จุด และ 251.1 จุด ตามลำดับ โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 17.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาที่ดินในบริเวณนี้ปรับตัวสูงขึ้น มาจากความพร้อมของโครงข่ายคมนาคมขนส่ง โดยสายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) และ สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) จะเป็นโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างสมุทรปราการและกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงเป็นปัจจัยดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานและลงทุนในบริเวณนี้มากขึ้น
นอกจากนี้ บริเวณดังกล่าวยังเป็นแหล่งชุมชนและย่านธุรกิจที่สำคัญ ประกอบกับมีการพัฒนาสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น จึงส่งผลให้ราคาที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อันดับรองลงมา คือ สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) ซึ่งเป็นโครงการในอนาคต มีค่าดัชนีเท่ากับ 430.0 จุด โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาที่ดินในบริเวณนี้ปรับตัวสูงขึ้น มาจากความคาดหวังของประชาชนว่า สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) จะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงเป็นปัจจัยดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานและลงทุนในบริเวณนี้มากขึ้น
สายสีน้ำเงิน (บางแค-สาย 4) ซึ่งเป็นโครงการในอนาคต มีค่าดัชนีเท่ากับ 428.8 จุด โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ราคาที่ดินในบริเวณนี้ปรับตัวสูงขึ้น ประชาชนว่าเชื่อว่า สายสีน้ำเงิน จะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงทำให้ที่ดินบริเวณปรับสูงมากขึ้น
สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว มีค่าดัชนีเท่ากับ 502.4 จุด โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ราคาที่ดินในบริเวณนี้ปรับตัวสูงขึ้น มาจากความพร้อมของโครงข่ายคมนาคมขนส่ง โดยสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) เป็นโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และฝั่งธนบุรีได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
สายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว มีค่าดัชนีเท่ากับ 479.8 จุด โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ในไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโซนที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ดังนี้
อันดับ 1 นครปฐม เพิ่มขึ้น 62.5%
อันดับ 2 บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง 22.3%
อันดับ 3 เมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ 17.9%
อันดับ 4 ตลิ่งชัน-บางแค-ภาษีเจริญ-หนองแขม-ทวีวัฒนา-ธนบุรี-คลองสาน-บางพลัด-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่ 14.9%
อันดับ 5 กรุงเทพฯ ชั้นใน 6.8%
จากข้อมูลของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่า ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้ายังคงมีการปรับขึ้นแม้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งในปีนี้ปรับขึ้นเฉลี่ย 4% ผลจากการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายใหม่
สาเหตุที่ราคาที่ดินชานเมืองปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยอุปสงค์ที่อยู่อาศัยในโซนชานเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของชุมชนและนิคมอุตสาหกรรมในบริเวณใกล้เคียง ประกอบกับราคาที่ดินในโซนใจกลางเมืองมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหันมามองหาโซนชานเมืองมากขึ้น
จากข้อมูลการสำรวจที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พบว่า โซนชานเมืองเป็นโซนที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญเป็นโซนที่มียอดขายใหม่สูงเป็นระดับต้นๆ อีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในโซนชานเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในโซนชานเมือง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาที่ดิน โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เหล่านี้ มักเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง และมีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(reic) และ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย