YG Entertainment รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 กำไรลดลง 98.7% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการลงทุนในศิลปินหน้าใหม่ ที่สำคัญสมาชิก BLACKPINK หมดสัญญา
YG Entertainment กำไรไตรมาสแรกลดลงถึง 98 % เมื่อไม่มี BLACKPINK
YG Entertainment ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 ทำให้รายได้รวมลดลง 44.5% เหลือ 8.73 หมื่นล้านวอน กำไรสุทธิลดลงถึง 98.7 เปอร์เซ็นต์เหลือ 420 ล้านวอน ซึ่งต่างจากปีก่อนช่วงเวลาเดียวกัน ที่บริษัททำกำไรสุทธิได้สูงถึง 2.47 หมื่นล้านวอน นอกจากนี้หลังจากสมาชิก BLACKPINK หมดสัญญา เหลือแต่สัญญาวง ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงเกือบ 30% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้ ได้แก่ ผลขาดทุนจากบริษัทในเครือ YG Plus ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าผลิตภัณฑ์ของ YG Investment นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนสำหรับศิลปินหน้าใหม่ เช่น เกิร์ลกรุ๊ป Baby Monster ที่เพิ่งเปิดตัว และการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ๆ ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ของ YG Entertainment อธิบายว่า "การลงทุนเริ่มต้นในความสามารถใหม่เป็นภาระต้นทุนระยะสั้น แต่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การเติบโตในอนาคตของเรา" เขาเสริมว่า "ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกนี้รวมถึงการพัฒนาเนื้อหาใหม่และต้นทุนทางการตลาด" และเสริมว่า "ในระยะยาว เราจะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทและแสวงหาการเติบโตในตลาดต่างๆ"
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปี บริษัท YG Entertainment
ปี 2020 รายได้ 2.55 แสนล้านวอน กำไรสุทธิ 9.41 พันล้านวอน
ปี 2021 รายได้ 3.21 แสนล้านวอน กำไรสุทธิ 6.65 พันล้านวอน
ปี 2022 รายได้ 3.91 แสนล้านวอน กำไรสุทธิ 3.36 หมื่นล้านวอน
ปี 2023 รายได้ 5.69 แสนล้านวอน กำไรสุทธิ 6.13 หมื่นล้านวอน
YG Entertainment เดินหน้าเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่ หวังพลิกฟื้นผลประกอบการ
YG มุ่งมั่นในการค้นหาและพัฒนาศิลปินหน้าใหม่ โดยมีแผนเปิดตัวอย่างน้อยหนึ่งวงภายในปีนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง AVEX ของญี่ปุ่น เพื่อจัดออดิชั่นระดับโลก ค้นหาศิลปินที่มีศักยภาพจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ ความสำเร็จของ Baby Monster เกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก็เป็นสัญญาณบวกที่ทำให้ YG Entertainment หวังว่าจะสามารถพลิกฟื้นผลประกอบการให้กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง
สำหรับ Baby Monster ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มินิอัลบั้มแรกของพวกเธอทำยอดขายทะลุ 400,000 ก็อปปี้ภายในสัปดาห์แรก นักวิเคราะห์จาก Leading Investment & Securities มองว่าความสำเร็จของ Baby Monster จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนผลประกอบการของ YG Entertainment ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากตารางงานที่ไม่แน่นอนของ Blackpink ซึ่งเป็นวงหลักของค่าย
แม้ผลประกอบการในไตรมาสแรกจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ YG Entertainment ยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนเพื่อพัฒนาศิลปินหน้าใหม่ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว