เรื่องใหญ่!!! ไฟเขียวปลดล็อก "คราฟต์เบียร์-สุราพื้นบ้าน" ครม.เห็นชอบกฎกระทรวงการคลัง เปิดช่องผลิตสุราง่ายขึ้น ยกเลิกเกณฑ์ "กำลังการผลิต-ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ" ส่งสัญญาณร่าง พรบ.สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกลไม่จำเป็นแล้ว
วันนี้ (1 พ.ย. 2565) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับเรื่องการผลิตสุรา ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 2 ซึ่งจะช่วยผ่อนปรนเรื่องการผลิตสุราให้ทำได้ง่ายขึ้น หลังจากที่กฎหมายเดิมในปี พ.ศ. 2560 มีความตึงมากเกินไป ส่วนร่างกฎหมายของฝ่ายค้านก็หย่อนเกินไป ดังนั้น รัฐบาลจึงพิจารณาหาจุดสมดุล โดยการออกเป็นกฎกระทรวงการคลัง เพื่อผ่อนปรนกฎหมายที่มีอยู่เดิมให้ผ่อนคลายลง
นายวิษณุ กล่าวว่า จากการพิจารณากฎหมายที่ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 พบว่ามีความเข้มงวดมากเกินไป และได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าตึงเกินไป ทำอะไรก็ไม่ได้ จึงคิดกันว่าจะทำให้หย่อนลง คือการออกกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งก็มีพรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายเข้าสภา แต่ก็พบว่าหย่อนมากเกินไป ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ผู้ผลิต และกระทบต่อภาษีรายได้ของประเทศ จึงหาวิธีมาพบกันครึ่งทาง
ทางกฤษฎีกาจึงแนะนำว่า ไม่ต้องออกพระราชบัญญัติ ให้ออกเป็นกฎกระทรวงได้ ซึ่งมีความเข้มงวดน้อยลง และเกือบจะเท่ากับหลักเกณฑ์ที่พรรคก้าวไกลเสนอ โดยนายวิษณุ ย้ำว่า กฎกระทรวงฯ ใหม่นี้ หย่อนลงมากกว่าครึ่งแล้ว เมื่อเทียบกับกฎหมายปี 2560
ดังนั้น กรมสรรพสามิตจึงได้ยกร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา และหลังจากที่ถูกกฤษฎีกาตีกลับมาเพราะยังไม่รัดกุมเพียงพอ จึงนำไปสู่การออกเป็นกฎกระทรวงฉบับที่ 2 ในวันนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว และจะมีผลบังคับใช้หลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ทำให้กฎหมายของฉบับพรรคก้าวไกลถือว่าไม่มีความจำเป็น เพราะว่ามีสิ่งที่ดีที่เกือบจะเท่าเทียมกันแล้ว
สรุปสาระสำคัญ ปลดล็อก "สุราพื้นบ้าน-คราฟต์เบียร์-ต้มในบ้าน"
สำหรับ "ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ....." ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
สุราพื้นบ้าน
คราฟต์เบียร์
ต้มดื่มเองในบ้าน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การดำเนินการข้างต้นใน “ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. ...." ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เป็นการเปิดโอกาสให้รายเล็กสามารถเติบโตได้โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเงินทุนและกำลังการผลิต แต่ยังคงต้องให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้า ความปลอดภัย กระบวนการผลิต เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในด้านสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม
"ทั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก ปลดล็อคทั้งในเรื่องทุนจดทะเบียนและกำลังการผลิตขั้นต่ำ สามารถยกระดับสุราชุมชนจากขนาดเล็กไปสู่ขนาดกลาง ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เปิดโอกาสธุรกิจให้เติบโตสามารถขยายกิจการได้ รวมถึงเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการนำสินค้าเกษตรมาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างไรก็ดี กรมสรรพสามิตยังคงให้ความสำคัญและคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย สาธารณสุข สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงมีกรอบการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและผลกระทบตามมา” นายอาคม กล่าว