Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ขนลุกทั้งสนาม! ชมไฮไลต์วินาทีประวัติศาสตร์ พิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33

ขนลุกทั้งสนาม! ชมไฮไลต์วินาทีประวัติศาสตร์ พิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33

9 ธ.ค. 68
22:29 น.
แชร์

สิ้นสุดการรอคอย! มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในค่ำคืนนี้ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพมหานคร ท่ามกลางผู้ชมที่หลั่งไหลเข้ามาเต็มความจุสนามกว่า 5 หมื่นที่นั่ง สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยโชว์ที่ผสมผสาน "ความเป็นไทยร่วมสมัย" และเทคโนโลยีระดับโลก สู่สายตาชาวโลก ต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนอย่างอบอุ่น

การแสดงชุดที่ 1 "สู่จุดเริ่มต้น"

การแสดงเทิดพระเกียรติ เริ่มต้นพิธีเปิดงานด้วยภาพอันตระการตาบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ด้วยการนับถอยหลังอย่างยิ่งใหญ่ จากโดรนหลายร้อยลำที่โบยบินประสานกันเหนือสนามราชมังคลากีฬาสถาน แสงสว่างอันเรืองรอง คือ สัญญาณแห่งการเริ่มต้นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ เชื้อเชิญทั่วโลกออกเดินทางร่วมกันในเส้นทาง "สู่จุดเริ่มต้น"

จากบทโหมโรงแห่งแสงนี้ เรื่องราวจะพาทุกคนข้ามผ่านกาลเวลา ย้อนจากปัจจุบันกลับไปสู่ปี พ.ศ. 2502 จุดกำเนิดของการแข่งขัน SEAP Games บนแผ่นดินไทย ผ่านการฉายภาพด้วยโปรเจกชั้นแมปปิ้งขนาดมหึมาที่แปรเปลี่ยนพื้นสมามทั้งผืนให้มีชีวิต ร้อยเรียง 6 ทศวรรษแห่งชัยชนะ อารมณ์ความรู้สึก และความทรงจำร่วมกัน ทุกภาพสะท้อนจิตจิตวิญญาณและความเป็นหนึ่งเดียวที่หล่อหลอมการแข่งขันนี้มานับตั้งแต่วันแรก

เมื่อทุกองค์ประกอบหลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นบทบันทึกที่ซาบซึ้งและทรงพลัง ชวนให้หวนนึกถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ยกย่องรากเหง้าของ SEA Games และเฉลิมฉลองเส้นทางอันยิ่งใหญ่ที่นำพา 11 ชาติกลับมายืนอยู่บนผืนสนามเป็นหนึ่งเดียวกัน...อีกครั้ง

เริ่มต้นด้วยการแสดงโดรนแปรอักษร ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือสบามราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนแปรขบวนเป็น "ตราสัญลักษณ์ SEA Games Thailand 2025" ที่ผสานพลังแห่งกีฬาเข้ากับศิลปะไทยร่วมสมัยอย่างประณีต เป็นสัญสัญลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวของทั้ง 11 ชาติ จากนั้น โดรนแปรขบวนเป็นตัวเลขที่มีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ได้แก่

33 - ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ประเทศไทย พ.ศ. 2568 ประวัติศาสตร์บทใหม่อันภาคภูมิร่วมกัน

12,506 - จำนวนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด

50 - จำนวนชนิดกีฬาที่ทำการแข่งขันในซีเกมส์ ครั้งที่ 33

574 - จำนวนเหรียญทองที่ชิงชัยตลอดการแข่งขัน

ONE - แนวคิดหลักของพิธีเปิด นั่นคือ We Are One

Back to the Origin - สารสำคัญของการแสดงนี้

เมื่อการนับถอยหลังสิ้นสุดลง ท้องฟ้ายามค่ำคืนจะสว่างไสวด้วยข้อความ "SAWASDEE SEA GAMES" แทนคำทักทายจากประเทศไทยสู่ประชาคมอาเซียนและผู้ชมทั่วโลก ก่อนที่ภาพจะต่อเนื่องเข้าสู่วีดิทัศน์ "สู่จุดเริ่มต้น" ที่หวนรำลึกถึงจุดเริ่มต้นของ SEAP Games ในปี พ.ศ. 2502 และสายใยแห่งความเป็นหนึ่งเดียวที่ยังคงเชื่อมโยงภูมิภาคนี้ไว้เสมอ

วีดิทัศน์ "สู่จุดเริ่มต้น" พาผู้ชมย้อนเส้นทางซีเกมส์จากปัจจุบันกลับไปสู่ปี พ.ศ.2502 ผ่านภาพเหตุการณ์สำคัญตลอดหลายทศวรรษ รวมถึงภาพประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2502 ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาภาคพื้นแหลมทอง อันเป็นจุดเริ่มต้นของ SEAP Games วีดิทัศน์นี้ถ่ายทอดพลังแห่งมิตรภาพ ความร่วมมือ และจิตวิญญาณนักกีฬาที่สืบทอดต่อกันมากว่า 60 ปี ก่อนพาทุกคนกลับสู่สนามราชมังคลาฯ เพื่อเริ่มต้นบทใหม่ของการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33

การแสดงชุดที่ 2 ปลุกพลังสู่การแข่งขัน

การแสดงเพื่อจุดประกาย "ไฟในใจ" ที่ขับเคลื่อนนักกีฬาทุกคน ปลูกจิตวิญญาณที่ไม่ยอมจำนน ให้ลุกโชน เพื่อให้พร้อมเข้าสู่สนามแข่งขัน ในการแสดงชุดนี้จึงใช้ "ไฟ" เป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อสื่อถึง Passion วินัย และความมุ่งมันในการไขว่คว้าความเป็นหนึ่งอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นจิตวิญญาณร่วมของทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การผสานพลังของแสงสี เลเซอร์ และเทคนิคพิเศษเพื่อสร้างเปลวไฟ เนรมิตสนามทั้งผืนให้เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน เริ่มตั้งแต่แสงไฟจากชุดนักแสดงที่วาดลวดลายครอบคลุมไปทั่วพื้นสนาม ผสานไปกับเปลวไฟและแสงสว่างที่โอบล้อมรอบอัฒจรรย์ เปลี่ยนทั้งสนามให้กลายเป็นผืนผ้าในที่มีชีวิต ด้วยพลังไฟในใจที่ลุกโชน สะท้อนความเข้มข้น ความกล้าหาญ และหัวใจที่พร้อมทะยานสู่ความเป็นหนึ่ง

"ปลุกพลังสู่การแข่งขัน" คือ การคารวะต่อความมุ่งมั่นของภูมิภาคที่ยืนเคียงข้างกันเป็นหนึ่งเดียว สะท้อนภาพช่วงเวลาที่ไฟในใจกลายเป็นพลัง และพลังนั้นกลายเป็นประกายแรกที่พาเราทุกคนมุ่งสู่ "ชัยชนะร่วมกัน" เป็นหนึ่งเดียว

เริ่มต้นการแสดงด้วยบทเพลง "1%" ขับร้องโดย วิโอเลต วอเทียร์, โต้ง TWOPEE และ กอล์ฟ F.HERO บทเพลงปลุกพลังที่ถ่ายทอด "ความมุ่งมั่นท่ามกลางความเป็นไปไม่ได้" และความเชื่อว่า ต่อให้เหลือโอกาสเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ หากหัวใจไม่ยอมแพ้โอกาสนั้นย่อมจุดประกายให้กลายเป็นพลังเต็มร้อยได้

การแสดงถูกถ่ายทอดร่วมกับการฉายภาพลงบนพื้นสนามอย่างตระการตา สร้างอารมณ์ร่วมและยกระดับพลังของสนามให้ก้าวสู่ช่วงต่อไปอย่างฮึกเหิมเปรียบเสมือนประกายไฟดวงแรกที่ปลุก "ไฟในใจนักกีฬา" ให้ลุกโชนพร้อมเริ่มต้นการแข่งขัน

กลุ่มนักแสดงในชุด LED เคลื่อนผ่านสนามอย่างรวดเร็ว สร้างเส้นทางแห่งแสงที่พุ่งทะยานสานกันเป็นตราสัญลักษณ์ SEA Games Thailand 2025 สื่อถึงความมุ่งมั่นที่กำลังก่อตัว และแรงส่งร่วมกันของทั้งสนาม จากนั้น พลังถูกเร่งให้เข้มข้นขึ้นด้วยกลองเดี่ยวอันทรงพลังโดย "เคน วง ZEAL" ประกอบด้วยแดนเซอร์ 50 คน ในชุดที่สื่อถึงเปลวไฟท่วงท่าที่พร้อมเพรียงสร้างภาพของประกายไฟ ชีพจร และ "หัวใจของการแข่งขัน" ที่กำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ไคลแม็กซ์ปะทุขึ้นด้วย "Pyro Finale" ที่ผสานเอฟเฟกต์ไฟจากชุดของนักแสดงเข้ากับเปลวไฟรอบขอบสนามอย่างเร้าใจ ทั้งสนามถูกยกระดับให้กลายเป็นวงแหวนแห่งไฟแพชชั่น "ปลุกพลังสู่การแข่งขัน" ให้ไฟในใจลุกโชน ผลักดันนักกีฬาทุกชาติให้มุ่งสู่ชัยชนะร่วมกัน

การแสดงชุดที่ 3 สายน้ำหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียว

การแสดงไฮไลท์ของค่ำคืนนี้ เฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวของทั้ง 11 ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หลากหลายด้วยอัตลักษณ์ แต่เชื่อมโยงกันอย่างแบบแน่นด้วย "สายน้ำเดียวกัน" โดยมี ประเทศไทย ในฐานะจุดกำเนิดทางประวัติศาสตร์ของกีฬาซีเกมส์ ผู้เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อ ร้อยเรียงหัวใจทุกดวงให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

พื้นสนามทั้งผืนแปรเปลี่ยนเป็นภาพอันยิ่งใหญ่ของ "สายน้ำแห่งมิตรภาพ" ผืนน้ำสว่างไสวที่โอบกอดทั้ง 11 ชาติไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน สู่บทสรุปอันตระการตาด้วยการแสดงทางน้ำสุดตื่นตา เริ่มด้วยความงดงามอ่อนช้อยของระบำใต้น้ำ ความเร้าใจของเจ็ตสกีผาดโผน และความท้าทายที่ทะยานสูงของฟลายบอร์ด

ทุกองค์ประกอบร่วมกันถ่ายทอด "จิตวิญญาณที่ไร้ขีดจำกัด" ของเหล่านักกีฬาความมุ่งมั่นที่จะลุกขึ้น ท้าทายทุกขอบเขต และมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน คือการเป็นหนึ่งเดียว

การแสดงชุดที่ 4 จิตวิญญาณแห่งความเป็นหนึ่ง

การแสดงที่หลอมรวม "ศิลปะการต่อสู้ 11 แขนง" จากทั่วอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณร่วมของนักกีฬาทุกคน นั่นคือ ความกล้าหาญ วินัย ความแข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ที่จะก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ผสานมัลติมีเดียสเกลใหญ่ทั่วทั้งสนาม ทุกหมัด ทุกท่า และทุกจังหวะการเคลื่อนไหวถูกขยายให้ทรงพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นคลื่นพลังหนึ่งเดียวอันยิ่งใหญ่ กึกก้อง ประกาศต่อสายตาชาวโลกถึงความแข็งแกร่งที่เชื่อมทั้งภูมิภาคไว้ด้วยกัน นี่คือช่วงเวลาที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับความหมายที่แท้จริงของ "ONE SPIRIT"

เปิดฉากด้วยการฉายภาพขนาดใหญ่บนพื้นสนาม เผยภาพ "พิกโตแกรมชนิดกีฬา" อย่างเป็นทางการของการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ครอบคลุมกีฬาทั้งสิ้น 54 ชนิดที่ฬา ได้แก่

ㆍ กีฬาชิงเหรียญ 50 ชนิดกีฬา

ㆍ กีฬาสาธิต 3 ชนิด (กีฬาทางอากาศ ชักกะเย่อ และจานร่อน)

ㆍ กิจกรรมพิเศษ (Special Value-Added Event/Activity) 1 รายการ คือ MMA

พิกโตแกรมในปีนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด "เดอะ สาน" (The Saan) สัญลักษณ์ของความสามัคคีและความมุ่งมั่น ภาษาภาพของ "เดอะ สาน" ทำหน้าที่เชื่อมทุกชนิดกีฬาไว้ภายใต้เอกลักษณ์เดียว สะท้อนว่าความแตกต่างหลากหลายสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกันได้ เช่นเดียวกับ 11 ชาติที่รวมเป็นหนึ่ง นอกจากนี้ แนวคิดเดียวกันยังถูกพัฒนาต่อยอดสู่ "มาสคอตอย่างเป็นทางการ" ของการแข่งขัน ตอกย้ำบทบาทในฐานะสัญลักษณ์ประจำมหกรรมครั้งนี้อย่างชัดเจน

ต่อด้วยการรวม 11 พลังแห่งการต่อสู้ การแสดงเริ่มต้นด้วย 11 กลุ่มนักแสดงทำการแสดงศิลปะการต่อสู้จากภูมิภาคอาเซียนแต่ละแขนงด้วยท่วงท่าที่หนักแน่น แม่นยำ และหยั่งรากจากอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ก่อนประสานแต่ละท่วงท่าเป็น "จังหวะเดียว" ภาพที่ฉายลงบบพื้นสนาม และภาพประกอบบนจอ ช่วยขยายทุกหมัด ทุกก้าวกระโดด และทุกท่วงท่าให้ยิ่งใหญ่ทรงพลัง พาทุกคนดำดิ่งไปสัมผัสกับพลังแห่งการต่อสู้สุดเร้าใจ

ช่วงไคลแมกซ์ของการแสดง "บัวขาว บัญชาเมฆ" ตำนานแห่งศิลปะการต่อสู้ของไทย ก้าวสู่กลางสนาม โดยเริ่มต้นจากพิธี "ไหวัครู" ด้วยท่วงท่าอันอ่อนช้อยแต่แข็งแกร่งอันเลื่องชื่อ ก่อนถ่ายทอดท่วงท่ามวยไทยอันทรงพลัง สื่อถึงความชำนาญ ความเคารพ และหัวใจของนักสู้ที่แท้จริง มุมกล้องแบบภาพยนตร์ ทั้งโดรนและกล้องจากภาคพื้นตลอดจนภาพบบพื้นสนามขนาดใหญ่ที่สะท้อนพลังอย่างต่อเนื่องช่วยยกระดับการปรากฏตัวของเขาให้ก้องกังวานทั่วทั้งสนาม-ประกาศแก่นแท้ของ ONE SPIRIT อย่างเด่นชัด

ตามด้วยเสียงคำรามแห่งความเป็นหนึ่ง พลังของโชว์ถูกเร่งสู่ช่วงสุดท้าย โดย "มีน (ไททศมิตร)" ก้าวสู่สนามพร้อมกีตาร์โซโล่ที่ปลุกเร้าอารมณ์ดุจเสียงคำรามของนักสู้ ที่ดุเดือด แข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ผลานการฉายภาพ Laser Animation กับการออกแบบการแสดงแสงเลเซอร์ที่กวาดผ่านทั้งสนาม ส่งให้ช่วงนี้กลายเป็นภาพแทนของพลังนักกีฬายุคใหม่ ที่เติบโตจากรากเหง้า แต่พร้อมพัฒนา "สปิริตนักสู้" ให้ทะยานข้ามทุกขอบเขต

การแสดงชุดที่ 5 มิตรภาพ คือ ชัยชนะ

ค่ำคืนแห่งพิธีเปิด ปิดท้ายอย่างงดงามด้วยการเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียว ผ่านภาพ "ดอกไม้ประจำชาติของทั้ง 11 ประเทศ" ที่ผลิบานพร้อมกันบนผืนแผ่นดินไทย สะท้อนมิตรภาพที่ค่อย ๆ หยั่งรากและเติบโตงอกงามจากการเดินทางร่วมกันของการแข่งขันตลอดหลายทศวรรษ จนหลอมรวมเป็น "ชัยชนะหนึ่งเดียว" ที่ทั้งภูมิภาคร่วมภาคภูมิใจด้วยบทเพลง "รักหนักแน่น" ในเวอร์ชันออร์เคสตรา ถ่ายทอดความผูกพันอันลึกซึ้ง และความทรงจำล้ำค่าที่ถักทอขึ้นจากซีเกมส์ครั้งนี้ พร้อมย้ำเตือนว่า "ชัยชนะที่แท้จริง" มิได้อยู่เพียงบนโพเดียม หากคือชัยชนะที่เบ่งบานอยู่ในหัวใจของเราทุกคน

มิตรภาพที่ผลิบาน เปิดฉากด้วยการฉายภาพขนาดใหญ่บนพื้นสนาม ถ่ายทอด "ดอกไม้ประจำชาติ" ของทั้ง 11 ประเทศอาเซียน ที่เบ่งบานพร้อมกันทั่วทั้งสนาม สื่อถึงการที่อัตลักษณ์อันหลากหลายสามารถเติบโตงดงามร่วมกัน กลายเป็นสวนแห่งมิตรภาพของภูมิภาค ณ ใจกลางสนาม "ดอกราชพฤกษ์" ดอกไม้ประจำชาติไทยในรูปแบบบบอลลูนเป่าลมขนาดใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เปรียบดังบทบาทของประเทศเจ้าภาพที่เปิดรับและเชื่อมโยงมิตรประเทศอาเซียนไว้ด้วยกัน เหล่านักแสดงร่ายรำโอบล้อมด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย เสมือนกลีบดอกที่ค่อย ๆ ผลิบานรับแสงแห่งความเป็นหนึ่งเดียว

บทเพลงแห่งมิตรภาพ "รักหนักแน่น" บทเพลงอมตะที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2541 โดยศิลปินระดับตำนานของไทย "เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์" เป็นเพลงที่ผู้คนจดจำในฐานะบทเพลงแห่งความซื่อสัตย์ ความผูกพันและการอยู่เคียงข้างกันอย่างมั่นคง ด้วยจังหวะมาร์ชชิ่งที่สง่างาม จึงเหมาะกับการขับเคลื่อนอารมณ์ในงานเฉลิมฉลองและมหกรรมกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 บทเพลงนี้ถูกเรียบเรียงใหม่เป็นเวอร์ชันออร์เคสตรา ขับร้องโดย "Friends of SEA Games" ทั้ง 7 คน และส่งท้ายด้วยการร่วมแสดงของ "แบบแบม" เวอร์ชันใหม่นี้ยกระดับความรู้สึกของต้นฉบับให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกลายเป็นบทเพลงสรรเสริญความเป็นหนึ่งเดียวและมิตรภาพของอาเซียน ในช่วงการแสดงนี้ "รักหนักแน่น" มิได้เป็นเพียงบทเพลงแห่งความรัก หากคือสัญลักษณ์ของ "จิตวิญญาณร่วม" สัญลัษณ์ของการยืนเคียงกัน การส่งพลังให้กันและการผลิบานร่วมกับเป็น "ชัยชนะหนึ่งเดียว"

The Friends of SEA Games 2025 คือ การรวมตัวของศิลปินและนักแสดงไทย 7 คน ในบทบาท "Sport Ambassadors" ของการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 พวกเขาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนผู้ชมเข้าร่วมชมการแข่งขันในสนามจริง สนับสนุนนักกีฬา และร่วมสร้างบรรยากาศแห่งความสุข ความสามัคคีและความภาคภูมิใจของภูมิภาค การมีส่วนร่วมของพวกเขาสะท้อนพลังของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมใช้ความนิยมและอิทธิพลเชิงบวก ขับเคลื่อนกีฬาไทยและกีฬาอาเซียนให้ก้าวไปด้วยกัน

บทเพลงแห่งความทะเยอะทะยาน Wheels Up โดย แบมแบม คือ บทเพลงแห่งความทะเยอทะยานและพลังใจที่ไม่ยอมแพ้ เพลงนี้เคยถูกนำเสนอผ่านความร่วมมือกับทีมบาสเกตบอลระดับโลก Golden State Warriors และสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการแสดงบนเวที NBA Halftime Show ในฐานะศิลปิน K-Pop คนแรกด้วยเนื้อหาของเพลงที่กล่าวถึงการพุ่งขึ้น เดินหน้าและเชื่อมั่นในชะตาของตนเอง "Wheels Up" จึงสอดรับกับจิตวิญญาณของซีเกมส์อย่างสมบูรณ์พร้อมขับเน้นแนวคิด มิตรภาพ คือ ชัยชนะ ด้วยการพาทุกคนทะยานขึ้นไปพร้อมกันทั้ง 11 ชาติอาเซียน ด้วยความมุ่งมั่นและความภาคภูมิใจร่วมกัน บทเพลงนี้ทำหน้าที่เป็นช่วงพีคที่ปลุกพลังทั้งสนามจุดประกายความหวัง แรงบันดาลใจและจิตวิญญาณอันไม่หยุดยั้งที่ผลักดันเกมการแข่งขันให้เริ่มต้นอย่างอบอุ่น

ช่วงสุดท้าย Friends of SEA Games ทั้ง 7 คนกลับขึ้นเวทีร่วมกับแบมแบม พร้อมเชิญชวนผู้ชมทั้งสนามเปิดแฟลชโทรศัพท์ กลายเป็นทะเลแห่งแสงระยิบระยับ คือ "แสงแห่งมิตรภาพ" ที่ส่องสว่างไปทั่วราชมังคลากีฬาสถาน ภาพนี้ คือ บทสรุปของค่ำคืนนี้ คือ ภาพจำที่สะท้อนความหมายของมิตรภาพ คือ ชัยชนะ อย่างแท้จริง เป็นชัยชนะที่มิได้อยู่เพียงบนโพเดียมหากเบ่งบานอยู่ในหัวใจของทุกคนที่มารวมกัน ณ ที่แห่งนี้

ขบวนพาเหรดนักกีฬา 11 ชาติอาเซียน

หลังจากนั้นขบวนนักกีฬาทั้ง 11 ชาติอาเซียนทยอยเดินเข้าสู่สนาม โดยมีสาวงามที่ครองตำแหน่งนางงามระดับโลกเป็นผู้ถือป้าย ท่ามกลางเสียงต้อนรับและแสดงความยินดีของผู้คนในสนาม ต่อด้วยการเชิญธงชาติ การกล่าวปฏิญาณตนของนักกีฬา

พิธีจุดคบเพลิง เปลวไฟแห่งความยั่งยืน

พิธีจุดไฟการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 สร้างหมุดหมายสำคัญด้วยด้วยแนวคิด "เปลวไฟแห่งความยั่งยืน" การตีความใหม่ของพิธีจุดคบเพลิงในรูปแบบร่วมสมัย ภายใต้วิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของการแข่งขัน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว พิธีการนี้จึงลดการใช้เชื้อเพลิงจริงให้น้อยที่สุด และนำเสนอ "กระถางคบเพลิงดิจิทัล" ที่ส่องผ่านการผสานเทคโนโลยีแสง สี เลเซอร์ โปรเจกชันบนพื้นสนาม และขบวนโดรนประสานอย่างพร้อมเพรียง นี่คือภาพสะท้อนของยุคสมัยใหม่ ที่เคารพรากเหง้าของพิธีการอันทรงคุณค่าควบคู่ไปกับนวัตกรรมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

เริ่มจากวีดิทัศน์การส่งต่อไฟพระฤกษ์ การเดินทางผ่าน 4 จังหวัดเจ้าภาพ ขบวนวิ่งผลัดคบเพลิงถ่ายทอดการเดินทางของเปลวไฟซีเกมส์ผ่าน กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สงขลา และนครราชสีมา รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร โดยมีผู้วิ่งผลัด 292 คน ร่วมส่งต่อเปลวไฟ ซึ่งเป็นสัญสัญลักษณ์ของ

"ความหวัง" และ "ความมุ่งมั่น" จากมือหนึ่งสู่มือหนึ่ง โดยมีช่วงแวะเชิงสัญลักษณ์ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อสะท้อนสายสัมพันธ์และความเป็นหนึ่งเดียวของประชาคมอาเซียน "โคมไฟพระฤกษ์" เปรียบเสมือน แสงแรกแห่งการเริ่มต้น ที่ถูกส่งต่ออย่างต่อเนื่อง จนมาบรรจบยังการจุดไฟในพิธีอย่างเป็นทางการ ณ กระถางคบเพลิงในค่ำคืนนี้

ขบวนวิ่งผลัดคบเพลิงสิ้นสุดลง ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดย นายสานนท์ วังสร่างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้เชิญไฟพระฤกษ์ มอบให้แก่ผู้วิ่งคบเพลิงคนแรก

ผู้ถือคบเพลิงคนที่ 1 วารีรยา สุขเกษม หรือน้องเอสที นักกีฬาโอลิมปิกที่อายุน้อยที่สุดของไทยในประวัติศาสตร์ ผ่านการคัดเลือกสู่โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ด้วยวัยเพียง 12 ปี และเป็นนักกีฬาสเกตบอร์ดทีมชาติไทยคนแรกที่คว้าโควตาเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิก

ผู้ถือคบเพลิงคนที่ 2 พันโท สมจิตร จงจอหอ แชมป์โอลิมปิกกีฬามวยสากล (ปักกิ่ง 2008) เจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย และเหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย

ผู้ถือคบเพลิงคนที่ 3 พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาไทยคนแรกผู้คว้าทองโอลิมปิก 2 สมัย และเป็นนักกีฬาไทยคนแรกผู้คว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิก 3 สมัย อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิง มือ 1 ของโลก ผู้ได้รับเกียรติทำหน้าที่ จุดกระถางคบเพลิง ในพิธีอันทรงเกียรติครั้งนี้

การแสดงที่ตระการตาและสมศักดิ์ศรีเจ้าภาพ ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วทั้งภูมิภาค นี่คือการประกาศความพร้อมอย่างเต็มรูปแบบของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการกีฬาในอาเซียน ไฟคบเพลิงซีเกมส์ที่สว่างไสว ณ กระถางคบเพลิง เป็นสัญลักษณ์ว่าการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอเชิญชวนแฟนกีฬาชาวไทยร่วมติดตามและเป็นส่วนหนึ่งของการชิงชัยเหรียญทองของทัพนักกีฬาทั่วอาเซียนได้ ตั้งแต่วันที่ 9 จนถึง 20 ธันวาคมนี้

Advertisement

รูปภาพทั้งหมด

แชร์
ขนลุกทั้งสนาม! ชมไฮไลต์วินาทีประวัติศาสตร์ พิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33