
พิธีปิดการแข่งขัน ซีเกมส์2025 หรือ ครั้งที่ 33 จบลงแบบเรียบง่าย ต้าห์อู๋-กระแต ศิลปินร่วมส่งไม้ต่อ ซีเกมส์2027 มาเลเซีย เจ้าภาพ
ซีเกมส์2025 หรือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา จัดขึ้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ชลบุรี โดยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา เดินทางมาถึง พิธีปิดการแข่งขัน ซึ่งจัดขึ้น ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เริ่มเวลา 18.30 น. มี 10 ชาติ เข้าร่วมเดินขบวนเข้าสู่สนาม รวมทั้ง ประชาชนเข้าร่วมชมการแสดงส่งท้ายจากเจ้าภาพ
พร้อมกันนี้ การแสดงชุด The sound of Whistle หรือ เสียงสะท้อนจากการแข่งขัน
ในการแข่งขัน กีฬาหลายทุกประเภท มีเสียงหนึ่งที่เราทุกคนคุ้นเคย เสียงที่ดังขึ้นในทุกสนาม ทุกช่วงเวลา และทุกการตัดสินใจ นั่นคือ เสียงนกหวีด
ภาพในสนามปรากฎ และเสียงสะท้อน จากนกหวีด คือสัญญาณแห่งการเริ่มต้น เป็นเสียงที่ปลุกพลังของนักกีฬาให้ก้าวเข้าสู่สนาม เป็นเสียงที่กำหนดจังหวะเกม และเป็นเสียงที่ทุกคนยอมรับในความยุติธรรมของการแข่งขัน แต่ในอีกมิติหนึ่ง เสียงนกหวีด... ไม่ใช่เพียงสัญญาณของจุดจบ หากแต่เป็น เสียงแห่งการเริ่มต้นใหม่ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าผลการแข่งขันเป็นชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ ไม่ว่าน้ำตาจะเกิดจากความดีใจ หรือความผิดหวัง ทุกครั้งที่เสียงนักหวีดดังขึ้นอีกครั้ง นั่นคือโอกาสใหม่ ที่เราสามารถเริ่มต้นขึ้นใหม่ได้เสมอ
ซึ่งการแสดงชุดดังกล่าว The sound of Whistle... เสียงสะท้อนจากการแข่งขัน ถูกออกแบบขึ้น เพื่อถ่ายทดความหมายของเสียงเล็ก ๆ นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ ความหวัง ความกล้า และพลังใจ เสียงนกหวีด ในชุดการแสดง ไม่ได้เป็นเพียงเสียงที่ปิดการแข่งขัน แต่เป็นเสียงที่สะท้อนถึงความพยายามของนักกีฬาทุกคน สะท้อนถึงการลุกขึ้นสู้ การไม่ยอมแพ้และการเดินต่อไป แม้ในวันที่ผลลัพธ์ไม่เป็นดั่งใจ
ขบวนเหล่านักกีฬาทั้ง 10 ชาติ ร่วมเดินขบวน
ตลอดระยะเวลาทั้งก่อนเริ่มต้นการแข่งขัน และ เริ่มการแข่งขันเหล่านักกีฬา และสต๊าฟโค้ช ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งได้เข้าร่วมกันร่วมกับ 10 ชาติเข้าแข่งขัน ท่ามกลางเสียงต้อนรับและแสดงความยินดีของผู้คนในสนาม
พิธีดับคบเพลิงปิดการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33
พิธีดับคบเพลิงซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด The sound of Whistle เพื่อเปลี่ยนช่วงเวลาสำคัญทที่สุดของพิธีปิด ให้กลายเป็นประสบการณ์ร่วมของผู้ชมทั้งสนาม
แทนที่จะเป็นเพียงพิธีการเชิงสัญลักษณ์ การดับคบเพลิงในครั้งนี้ เชิญชวนให้ผู้ชมทุกคนมีส่วนร่วม ในการส่งสัญญาณปิดการแข่งผ่านการเป่านกหวีดพร้อมกันทั้งสนาม
ซึ่งมีความหมายดังนี้ นกหวีด คือ สัญลักษณ์ที่คุ้นเคยที่สุดในโลกกีฬา เป็นเสียงที่บอกถึงการเริ่มต้นการแข่งขัน การตัดสินใจช่วงเวลาสำคัญ และในค่ำคืนนี้... เป็นเสียงที่บอกว่า “การแข่งขันได้จบลงอย่างสมบูรณ์” แต่ในอีกความหมายหนึ่งเสียงนกหวีด ไม่ได้หมายถึงจุดจบที่ว่างเปล่า หากคือ จุดจบที่เต็มไปด้วยความหวัง เพราะทุกครั้งที่นกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง คือโอกาสของการเริ่มต้นใหม่ ทั้งในสนามกีฬา และในชีวิต
เมื่อผู้ชมทั้งสนามร่วมกันเป่านกหวีดเสียงเล็ก ๆ นับพันเสียง จะรวมกันเป็นพลังเดียว สะท้อนความหมายว่า ซีเกมส์ไม่ได้เป็นเพียงของนักกีฬ แต่เป็นของทุกคนที่ร่วมเชียร์ ร่วมศรัทธา และร่วมสร้างความทรงจำครั้งนี้ไปด้วยกัน ในวินาทีที่เปลวไฟคบเพลิงดับลง เสียงนกหวีดจะไม่ดับตามแต่มันจะก้องอยู่ในความทรงจำ ในฐานะเสียงแห่งมิตรภาพ ความภาคภูมิใจ และคำสัญญาว่า การเดินทางครั้งนี้ จะนำไปสู่การเริ่มต้นบทใหม่เสมอ
พิธีส่งมอบธงสัญลักษณ์สหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พิธีเชิญธงชาติประเทศเจ้าภาพครั้งต่อไปขึ้นสู่ยอดเสา
RITMA HARMONI (จังหวะแห่งความกลมเกลียว) การแสดงของเจ้าภาพ ซีเกมส์2027
การแสดงถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วง โดยจัดการแสดงอย่างสมดุลในทั้งสองช่วงของการแสดง โดยต้องการถ่ายทอดถ่ายทอดภาพลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย ในฐานะสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลอรวมชาติพันธุ์และวัฒนธรรมอีกหลายให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ผานบทเพลงและการเต้นรำ สะท้อนเอกลักษณ์ของประเทศอันสอดคล้องกับสโลแกน “Malaysia Truly Asia”
RITMA HARMONI (จังหวะแห่งความกลมเกลียว) ยังเปรียบเสหมือนภาพสะท้อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่โดดเด่นด้วยความหลากหลาย และเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวกัน
การแสดงครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของศิลปินและผู้สร้างสรรค์ชั้นนำ จาก 4 แขนงศิลปะของมาเลเซีย ได้แก่ ดนตรี การเต้นรำ แฟชั่น และการแสดงละครเวที นำเสนอในรูปแบบกระชับ เพื่อเป็นตัวอย่างของผู้ชมจะได้สัมผัสในการเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ ครั้งที่ 34 ประเทศมาเลเซีย 2027
การแสดงความยาว 10 นาทีนี้ เปรียบเสมือนบทนำ สู่มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 34 และยังสอดคล้องกับแคมเปญ Visit Malaysia Year 2026 อีกด้วย
The Sound Of Champions (บทเพลงแห่งผู้ชนะ) การแสดงชุดส่งท้าย ...
THE SOUND OF CHAMPIONS คือการแสดงฉลองปิดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ขยายความหมายของคำว่า ชัยชนะ ให้ไกลกว่าแค่ผลการแข่งขัน เหรียญรางวัล เพื่อยกย่องความพยายาม ทุกหยาดเหงื่อ และทุกหัวใจ ที่ร่วมสร้างมหกรรมแห่งมิตรภาพครั้งนี้
การแสดงนำบทเพลง “We Are The Champions” มาเฉลิมฉลองนักกีฬาทุกคน โค้ช ทีมงาน ผู้ประสานงาน ลอาสาสมัคร ผู้เป็นแรงสนับสนุนสำคัญตลอดการแข่งขัน ก่อนส่งต่อพลังแห่งความสุขผ่านบทเพลง Can’t Stop the Feeling” ที่สะท้อนความทรงจำ มิตรภาพ และแพสชั่นยังคง เต้นอยู่ในหัวใจ” ของทุกคนต่อไปในช่วงสุดท้าย ต้าห์อู๋ และ กระแต จะลงมาร่วมร้องและเต้นกับเหล่านักกีฬาบนสนามเปลี่ยนสนามแข่งขัน ให้กลายเป็นพื้นที่เฉลิมฉลองร่วมกัน และส่งมอบช่วงเวลาสุดท้ายของซีเกมส์ให้กับ พระเอกตัวจริง ของงาน นั่นคือ ทุกคนในสนาม
ช่วงนาทีสุดท้ายของการแสดง ปิดฉากด้วย Pyro Technique Celebration รอบราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลือกเทคนิคควันที่น้อย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างบทสรุปอันยิ่งใหญ่ งดงาม และยั่งยืน
สำหรับศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ทัพนักกีฬาไทยกลับมาครองเจ้าเหรียญทองออีกครั้งในรอบ 10 ปี หรือตั้งแต่ได้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2015 ที่สิงคโปร์ หลังโกยกระจุยกระจายถึง 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง จากการชิงชัยทั้งสิ้น 573 อีเวนต์ คว้าเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 14 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดกว่าชาติใดๆในภูมิภาคอาเซียน และยังสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองสูงสุดตลอดกาลในซีเกมส์ แซงหน้าเวียดนาม ที่เคยทำไว้ 205 เหรียญทอง ในการจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 31 เมื่อปี 2022
ส่วนอินโดนีเซีย จบอันดับ 2 คว้าไป 91 เหรียญทอง 111 เหรียญเงิน 131 เหรียญทองแดง, อันดับ 3 เวียดนาม 87 เหรียญทอง 81 เหรียญเงิน 110 เหรียญทองแดง, อันดับ 4 มาเลเซีย 57 เหรียญทอง 57 เหรียญเงิน 117 เหรียญทองแดง, อันดับ 5 สิงคโปร์ 52 เหรียญทอง 61 เหรียญเงิน 87 เหรียญทองแดง, อันดับ 6 ฟิลิปปินส์ 50 เหรียญทอง 73 เหรียญเงิน 153 เหรียญทองแดง, อันดับ 7 เมียนมา 32 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง, อันดับ 8 สปป.ลาว 2 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 27 เหรียญทองแดง, อันดับ 10 ติมอร์ เลสเต 1 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง ด้าน กัมพูชา ไม่มีรางวัล เพราะประกาศถอนตัวไม่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยของนักกีฬา หลังไทยและกัมพูชา มีปัญหาข้อพิพาทชายแดน จนมีการยิงตอบโต้ปะทะกัน
สำหรับศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 34 มาเลเซีย จะมีขึ้นระหว่าง 18-29 กันยายน 2027 โดยเจ้าภาพมาเลเซีย วางจัดแข่งขันใน 4 เมือง คือ กัวลาลัมเปอร์, ซาราวัก, ปีนัง และยะโฮร์ เบื้องต้นกำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 38 ชนิดกีฬา ด้านไทย เตรียมเป็นเจ้าภาพอาเซียนพาราเกมส์ หรือ กีฬาคนพิการอาเซียน ในครั้งที่ 13 ต่อเนื่อง ในระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569 ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยจะมีการชิงชัยกันทั้งสิ้น 19 ชนิดกีฬา 534 เหรียญทอง
Advertisement