
วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. และอาสาสมัครในพื้นที่ เพิ่มความเข้มข้นตรวจตราการเข้า-ออกพื้นที่ และเฝ้าระวังปฏิบัติการต่อต้านโดรนตามยุทธวิธีอย่างเข้มงวด พร้อมกับบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้เร่งสืบสวนหาข่าวบุคคลต้องสงสัย กับบุคคลที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การปะทะสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังรุนแรงและเข้มข้น ซึ่งโดรนพลีชีพ คือหนึ่งในอาวุธที่กัมพูชา นำมาใช้ตอบโต้ฝั่งไทยอยู่ในขณะนี้ ทางหน่วยงานความมั่นคง และจังหวัดนครราชสีมา จึงต้องเฝ้าระวังและเข้มงวดตรวจตรา เพราะโดรนพลีชีพ หรือโดรนติดขีปนาวุธ สามารถจะควบคุมโดยมนุษย์แบบเรียลไทม์ ให้บินวนหาเป้าหมายได้เป็นระยะเวลานาน ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนและระเบิดทำลายเป้าหมายโดยตรงได้ จึงเป็นความเสี่ยงชนิดใหม่ที่ทหารไทยและคนไทยต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้
โดยที่ หมู่ 11 ต.นิคม อ.พิมาย ชาวบ้านรายหนึ่ง เปิดเผยว่า “ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา (16 ธ.ค.68) เห็นโดรนต้องสงสัย ส่องแสงวิบวับสีเขียวสีแดง บินอยู่บนท้องฟ้า ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน ตอนแรกขับรถมาจากโรงงานน้ำตาลพิมาย เห็นแค่ 1 ลำ แต่พอขับรถมาเรื่อยๆ ก็เห็นอีกหลายลำ ในขณะที่ชาวบ้านก็เห็นหลายลำ และบอกว่า “ทำไมมีโดรนเต็มท้องฟ้า” ซึ่งตนได้ลองสังเกตดู ก็เห็นว่า จะบินต่ำๆ ไม่สูงมากนัก ถ้าเป็นว่าวติดไฟ LED ก็ต้องลอยสูงกว่านี้ และที่สำคัญ ตอนนี้คนในพื้นที่ก็งดเล่นว่าวแล้วตามคำสั่งของทางราชการ เพราะชาวบ้านต่างพากันหวาดผวา กลัวจะเกิดเหตุร้ายไม่ปลอดภัยขึ้น
ด้านนายนิคม เป็นพิมาย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 บ้านบ่อสาม ต.นิคมสร้างตนเอง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ตอนแรกที่ตรวจพบ นึกว่าเป็นดาวบนฟ้า เพราะจะอยู่นิ่งๆ แต่รอสักครู่ก็เริ่มเคลื่อนตัว บินไปมา จึงลองไปยืนดูในจุดที่มืดๆ หน่อย จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นโดรน และเห็นอยู่หลายลำที่บินสวนกันไปมา ไม่ต่ำกว่า 10 ลำ บินว่อนอยู่บนท้องฟ้า ติดต่อกัน 2 วันแล้ว ซึ่งได้แจ้งรายงานให้ทางตำรวจและอำเภอได้ทราบแล้ว เพื่อเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการกำจัดทิ้งในทันที ป้องกันไม่ให้มีโดรนต้องสงสัยเข้ามาก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่
Advertisement