Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
พื้นที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย–กัมพูชา

พื้นที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย–กัมพูชา

10 ธ.ค. 68
16:28 น.
แชร์

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงวันที่ 7–9 ธันวาคม 2568 ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วจากจุดปะทะ ในศรีสะเกษ ก่อนลุกลามตลอดแนวอีสานใต้ ไล่จากสุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ไปจนแตะชายฝั่งจังหวัดตราด กลายเป็นสามวันที่ชายแดนเต็มไปด้วยเสียงปืนเล็ก ปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง และโดรนติดอาวุธ ที่ดังขึ้นไม่ขาดช่วง

 

กองทัพภาคที่ 2 เร่งยกระดับสู่ปฏิบัติการเต็มรูปแบบ ทั้งควบคุมสถานการณ์และอพยพประชาชนออกจากแนวเสี่ยง ขณะที่ “จุดกระสุนตก” แต่ละแห่งทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่า ความรุนแรงกำลังขยับเข้าใกล้หมู่บ้านและชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ในส่วนถัดไปจะเรียงเหตุการณ์ตามลำดับว่าอะไรเกิดขึ้นก่อน–หลัง กระสุนเริ่มตกที่ไหน ลุกลามไปอย่างไร และเหตุใดการปะทะครั้งนี้จึงส่งผลสั่นสะเทือนกว้างไกลทั่วทั้งภาคอีสานและฝั่งตะวันออกของไทย

 

วันที่ 7 ธันวาคม 2568 — ต้นทางของกระสุนข้ามแดน

 

การปะทะแรกในช่วง 14.15 น. ที่ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ เป็นเพียงการยิงตอบโต้ระดับแนวหน้า แต่สิ่งที่สร้างความกังวลคือหลังเวลา 22.00 น. เป็นต้นไป เมื่อกัมพูชาขยายการยิงไปยังช่องคะนาและช่องระยี

 

คืนเดียวกันนี้มีการตรวจพบ จรวดหลายลำกล้อง RM-70 เคลื่อนเข้าประชิดชายแดนฝั่งอุดรมีชัย เป็นสัญญาณชัดว่า “จุดกระสุนตก” จะไม่หยุดอยู่เพียงศรีสะเกษ

 

และเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 8 ธันวาคม กองทัพภาคที่ 2 พบการเคลื่อนย้าย RM-70 เข้าพื้นที่ฝั่งตรงข้ามช่องบก–ช่องอานม้าอย่างชัดเจน จากไทม์ไลน์นี้ชี้ให้เห็นแล้วว่า จุดกระสุนตกจะย้ายไปอุบลราชธานีและบุรีรัมย์ในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา

 

วันที่ 8 ธันวาคม 2568 — จุดกระสุนตกขยายตัวครั้งใหญ่

 

รุ่งเช้าตั้งแต่เวลา 05.00–06.23 น. การระดมยิงในพื้นที่ช่องอานม้ากลายเป็น “จุดกระสุนตกแห่งแรกของวัน” โดยเฉพาะปืนครกจากฝั่งกัมพูชาที่ตกกระจายหลายจุดในแนวปฏิบัติการไทย ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ กระสุนปืนใหญ่–ปืนครกเริ่มตกในเขตบ้านเรือน เช่น บ่อดินหลังตลาดไท , ฐาน ตชด.793 , ช่องอานม้าและเนินใกล้เคียง

 

เวลา 07.00 น. การปะทะหนักที่ช่องบกทำให้เกิด “จุดกระสุนตกขั้นวิกฤต” มีกระสุนอาวุธหนักตกในเขตไทยจนทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย และเวลา 08.30 น. จรวด BM-21 ของกัมพูชา ตกใส่บ้านสายโท 10 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ โดยจุดนี้คือ “หลักฐานสำคัญแรก” ว่ากัมพูชาขยายการยิงเข้าสู่ชุมชนพลเรือนโดยตรง

 

สำหรับ วันที่ 8 ธ.ค. จุดกระสุนตกหลัก ได้แก่ ช่องอานม้า , ช่องบก , บ้านสายโท 10 , บ่อดิน–หลังตลาดไท , ฐาน ตชด.793 , เนิน 677 และพื้นที่โดยรอบ

 

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 —BM-21 ระลอกใหญ่ และโดรนพลีชีพขึ้นสู่แนวหน้า

 

ก่อนรุ่งสาง เวลา 04.50 น. เป็นต้นไป จุดกระสุนตกเพิ่มขึ้นแบบ “พรวดเดียว 4 จุด” ได้แก่ ซำแต , ภูผี , ช่องตาเฒ่า , ปราสาทตาควาย และเป็นครั้งแรกที่มีการระดมยิง BM-21 หลายชุดและใช้โดรนทิ้งระเบิดควบคู่กัน ทำให้จุดกระสุนตกมีทั้งจากอาวุธวิถีโค้งและอาวุธโจมตีพุ่งชน (FPV UAV)

 

ต่อมาเวลา 05.40 น. ฝั่งจังหวัดตราดพบว่ากัมพูชาตั้งฐานทหารในเขตไทยบริเวณบ้านหนองรี สถานการณ์นี้ทำให้พื้นที่ฝั่งตะวันออกถูกจับตาเป็นพิเศษ แม้ยังไม่เกิดกระสุนตกหนักเท่าอีสานใต้ กระทั่งเวลา 09.30 น. ช่องอานม้า–ช่องบก ถูกโจมตีด้วย โดรนพลีชีพและโดรนทิ้งระเบิด เป็นชุดใหญ่ จุดกระสุนตกเพิ่มเข้ามาอีกหลายตำบล เช่น พญาสัตบรรณ , เนิน 561 , ปราสาทคนา , ปราสาทตาเมือน , ภูมะเขือ

 

พิกัดตำบลกระสุนตก ตลอด 7–9 ธันวาคม 2568

 

ตำบลที่พบ BM-21

 ปราสาทตาควาย

 ปราสาทตาเมือน

 ช่องปลดต่าง

 พระวิหาร

 ช่องระยี

 ภูมะเขือ

 

ตำบลที่พบ กระสุนปืนใหญ่

 พระวิหาร

 ภูมะเขือ

 เนิน 600

 บ้านภูมิซรอล ม.12

 ช่องอานม้า

 ช่องบก

 ปราสาทตาควาย

 พลาญยาว

 

ตำบลที่พบ โดรนพลีชีพ

 พญาสัตบรรณ

 ช่องอานม้า

 เนิน 561

 

ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ยุทธวิธี FPV UAV ของ กพช. และข้อแนะนำการปฏิบัติ

 

การปะทะระลอกใหม่ตามแนวชายแดนเผยให้เห็นชัดเจนว่าข้าศึกพัฒนา “ยุทธวิธีโดรนโจมตี” หรือ FPV UAV ไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่โจมตีเป้าหมายโดยตรง แต่ยังใช้เทคนิคชี้เป้าหมาย หลอกล่อ วางกับดัก

 

ทำให้กำลังฝ่ายเราตกอยู่ในช่องโหว่ได้ง่ายขึ้น หากไม่ระมัดระวังและไม่มีระเบียบปฏิบัติรองรับ ความสูญเสียอาจเกิดขึ้นซ้ำซ้อนในเวลาไม่กี่นาที

 

1.พฤติกรรมการณ์ของข้าศึก

 

• รูปแบบการเข้าตี (Attack Pattern) ข้าศึกใช้โดรนหลายลำร่วมกัน มี โดรนนำร่อง (Lead Drone) คอยชี้เป้า และ โดรนล่อหลอก (Decoy) ก่อนส่ง FPV ตัวจริงเข้าโจมตี

 

• ลักษณะอากาศยานและสรรพาวุธ พบการทิ้งกล่อง GPS Tracker เพื่อส่งพิกัดเป้าหมาย และการปล่อย ค.82 มม. แบบทิ้งลงใส่พื้นที่

 

2.ภัยคุกคามที่ตรวจพบ

 

มีการใช้อาวุธเล็งจำลอง เช่น BM-21 ยิงข่ม ก่อนส่ง FPV ระลอกถัดมาโจมตีซ้ำ และพบการใช้กล่อง GPS เป็น “เหยื่อ” เพื่อดักยิงกำลังพลที่เข้าเก็บกู้ และมีความเสี่ยงกับดักระเบิดซ้ำซ้อน

 

3.ข้อเน้นย้ำและการปฏิบัติ

 

พบซากมีเสียง = กับดัก ห้ามรวมกลุ่มเด็ดขาด และหากปลอดภัย ให้รีบทำลายหรือแยกกล่อง GPS ออกจากพื้นที่ทันที ทั้งนี้หากมี ค.82 ติดอยู่ ห้ามเก็บกู้ อาจมีระบบระเบิดหรือกับดักอัตโนมัติ

 

สัญญาณขยายตัวของความรุนแรง

 

อย่างไรก็ตามตลอด 72 ชั่วโมงที่สถานการณ์ยกระดับอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่กระสุนตกเพียง 2–3 ตำบล กลายเป็นหลายสิบจุดที่เรียงตัวตามแนวชายแดน ตั้งแต่ศรีสะเกษลามไปจนถึงอุบลราชธานี–สุรินทร์–บุรีรัมย์ และไกลถึงตราด

 

การตรวจพิกัดกระสุนตกทุกจุดจึงไม่ใช่เพียงงานของฝ่ายทหาร แต่เป็น “ชีวิต” ของประชาชนในพื้นที่ เพราะทุกจุดคือสัญญาณการขยายตัวของความรุนแรง และเป็นตัวชี้ว่าไทยต้องรับมือกับการโจมตีรูปแบบใดในชั่วโมงถัดไปของความขัดแย้งนี้

Advertisement

แชร์
พื้นที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย–กัมพูชา