
จากกรณีที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ตามแนวชายแดนในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า เมื่อวานนี้ 5 พ.ย.68 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิด จำนวน 5 ทุ่น ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดเก่าสมัยเวียดนาม ที่ตกค้าง เรียกทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบแรงระเบิดอยู่กับที่ ชนิด PMN ผลิตจากสหภาพโซเวียตเดิม โดยจุดที่ตรวจพบอยู่ประชิดชายแดน บริเวณฐานพลาญแต้ ใกล้ช่องอานม้า
ทั้งนี้ได้รับรายงานว่าการกู้ทุ่นดังกล่าว มีเพียงศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เท่านั้นเข้าดำเนินการเก็บกู้ฝ่ายเดียว ไม่พบทหารกัมพูชาเข้าร่วมแต่อย่างใด
วันนี้ทีมข่าวอมรินทร์ได้พูดคุยกับนางสาวจันทร์ที สุขเจริญ อายุ 50 ปี ชาวบ้านในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ว่า เท่าที่ตนดู ทุ่นระเบิดที่ทางเจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ล่าสุดแม้จะเป็นทุนที่เก่าตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม แต่ตนก็เชื่อว่ายังสามารถใช้การได้
ส่วนจะให้เขมรมาช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตนเชื่อว่าไม่มีทาง เพราะหากกัมพูชาจริงใจในการทำตามข้อตกลงจริงต้องส่งกำลังพลทหารเข้ามาช่วยไทยเก็บกู้ทุนระเบิดตามแนวชายแดนที่ตัวเองวางไว้แล้ว แต่ที่ทหารกัมพูชาไม่ยอมมาเก็บกู้ทุ่นระเบิด ก็เพราะว่าเจตนาต้องการขัดขวางการกู้ทุ่นระเบิด
หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีการตรวจพบทุนระเบิดตามแนวชายแดนใกล้กับช่องอานม้าอยู่เรื่อยๆ แน่นอน และยิ่งไทยเก็บเขมรก็จะแอบเข้ามาวางอยู่เหมือนเดิม ทำให้ประชาชนอดสงสารเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้ เพราะสุดท้ายไทยก็บังคับกดดันกัมพูชาไม่ได้
ขณะเดียวกันนางจันทร์ที ยังได้กล่าวถึงประเด็นทหารกัมพูชายึดปราสาทตาควาย ว่า ตนเองรู้สึกเศร้าใจที่ทราบข่าวว่า ทหารกัมพูชาได้ยึดตัวประสาทตาควายเป็นฐานที่มั่น อยากวอนถามรัฐบาลว่าไม่สงสารกำลังพลทหารที่ปฏิบัติหน้าที่จนต้องสละชีพเสียชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยหรืออย่างไร ทำไมรัฐบาลอ่อนแอ ยอมกระทั่งกัมพูชา
และถึงแม้รัฐบาลจะออกมายืนยันว่าประสาทตาควายเป็นของไทย ตนก็อยากจะให้เป็นจริงเหมือนที่รัฐบาลพูด ไม่ใช่ปกปิดความจริงประชาชนเหมือนตอนที่แอบไปลงนามสันติภาพร่วมกันกับประเทศกัมพูชาประชาชนก็มาทราบข่าวหลังจากที่ทางนายกรัฐมนตรีได้ลงนามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่มีการถามความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด
Advertisement