(17 ต.ค. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหอประชุมโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาปาฐกถาพิเศษตามโครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานีชัยนาท ภายใต้หัวข้อ เด็กไทยใฝ่ดีชัยนาทโมเดล ซึ่งมีบุคลากรทางการศึกษานักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ จ.ชัยนาท และประชาชนทั่วไปกว่า 500 คน เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ โดยเมื่อ พล.ท.บุญสิน เดินทางมาถึงยังสถานที่ปาฐกถาพิเศษต่างมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ และตระโกนบอกรักแม่ทัพกุ้ง
ซึ่งการปาฐกถาพิเศษในครั้งนี้ พล.ท.บุญสิน ได้พูดถึงเรื่องการปลูกฝังให้เยาวชนไทยนั้นรู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งการบรรยายในครั้งนี้ก็อยากจะให้ผู้ที่เข้ารับฟังการบรรยายนำไปเผยแพร่ต่อยอดให้ประชาชนทั่วไปได้รู้ถึงแก่นแท้ในสิ่งที่ถูกต้อง ให้กับลูกหลานคนไทยต่อไป ซึ่งภายหลังจากที่ พล.ท.บุญสิน ได้เกษียณอายุราชการออกมาก็คิดอย่างเดียวที่อยากจะเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชน เพื่อที่จะปลูกผังให้คนไทยนั้นสำนึกในบุญคุณของพระเจ้าแผ่นดิน ที่ทำให้มีประเทศไทยมาจวบจนทุกวันนี้
นอกจากนี้แล้วต้องสดุดีทหารหาญที่เสียชีวิตและบาดเจ็บในสมรภูมิการรบชายแดนไทย-กัมพูชา และก็ยังเชื่อว่า คนไทยหลายๆ คนรักชาติรักแผ่นดินมีจำนวนมาก
ภายหลังจากที่ พล.ท.บุญสิน ได้ปาฐกถาพิเศษจบให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ประเด็นของเรื่องที่ทางกัมพูชาได้มีการเลื่อนถกเรื่องของทุ่นระเบิด ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะมานั่งประชุมอะไรกัน เพราะว่าสถานการณ์ยังตึงอยู่ ซึ่งประชุมไปตกลงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ซึ่งเลื่อนไปดีแล้ว ดูท่าทีแล้วแน่นอนว่าทางกัมพูชาไม่มีความจริงใจในเรื่องของการแก้ปัญหาชายแดน ส่วนประเด็นที่ทางประเทศเกาหลีไใต้ได้มีการไปพูดคุยกับ ฮุนมาเน็ต ที่มีท่าทีอ่อนน้อมกับกัมพูชาเป็นอย่างดี แต่กับประเทศไทยกลับไม่มีท่าทีที่จริงจังเลย ตรงนี้อยู่ที่ผู้นำของทางเกาหลีที่เขาเป็นห่วงประชาชนของเขา ซึ่งประเทศไทยเราก็ทำมาโดยต่อเนื่อง
ส่วนเรื่องของการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ตรงนี้จะละเลยไม่ได้ เพราะคนไทยก็เป็นเหยื่อหนึ่งในนั้น และไทยต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ ซึ่งหลายๆ ประเทศขณะนี้ต้องการที่จะเข้าร่วมแก้ปัญหาสแกมเมอร์ ซึ่งประเทศไทยสมควรที่จะเข้าร่วมด้วย เนื่องจากมูลค่าความเสียหายมันเยอะคนดีหลายๆ คนจะต้องมาเสียทรัพย์สินให้กับกลุ่มพวกนี้ และควรที่จะทำแบบจริงจังร่วมกับประชาคมโลก ส่วนเรื่องของการลงนามที่กลับมาเป็นประเด็นข้อโต้เถียงตรงนี้ ขอให้เป็นเรื่องผู้นำประเทศและทางกองทัพได้คุยกันถึงข้อดีข้อเสีย อันไหนดีมีผลประโยชน์ที่ดีต่อประเทศก็ต้องมานั่งคุยกัน
Advertisement