วันนี้ 3 ตุลาคม 2568 จากกรณีที่คุณ "วาสนานาน่วม" ได้โพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ชาวบ้านระแวงเขมรเกือบร้อยแฝงตัวซุกนายจ้างตลาดช่องจอมสุรินทร์"
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่พบกับนายพัฒนา ชื่นยง ที่ปรึกษาตลาดการค้าชายแดนช่องจอม และนางสาวออรอ บำเพ็ญดี ผู้ดูแลตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ที่พาผู้สื่อข่าวเดินดูร้านค้าภายในตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อดูสภาพร้านค้าที่ปิดตัวเงียบ โดยเฉพาะร้านขายของป่าของสดพืชผักต่างๆที่ถูกคลุมผ้าไว้จนสินค้าเน่าส่งกลิ่นเหม็นและมีหนอนไต่ เป็นสภาพที่หดหู่แตกต่างจากก่อนเกิดปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างสิ้นเชิงที่มีความคึกคัก
นายพัฒนา ชื่นยง ที่ปรึกษาตลาดการค้าชายแดนช่องจอม กล่าวว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์ชายแดน แม้บางครั้งได้ยินข่าวสารที่ไม่ดีเราก็อดทน เพราะหากพูดไปเกรงจะโดนทัวร์ลง เพราะจอรอให้เหตุการณ์ดีขึ้นค่อยปรึกษาหารือ แต่วันนี้ตลาดช่องจอมมีคนโทรมาหลายคนให้ไปชี้แจง เราไม่มีเวทีชี้แจงจึงขอชี้แจงผ่านสื่อว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง
ทางตลาดมีแต่คนไทยอยู่ วันนี้มีข่าวว่าทางตลาดให้เขมรหรือคนกัมพูชาอยู่แอบแฝงอยู่ในตลาด ทำให้สังคมรับฟังข่าวแล้วอาจจะเชื่อ ซึ่งไม่เป็นความจริง สายลับไม่มี มีแต่สายที่หิวโหยไม่มีอะไรจะกิน คนไทยที่ค้าขายที่นี่จะพากันมาค้าขายก็ขายไม่ได้ อย่างมากก็เข้ามาดูของที่ร้านปิดไว้บ้าง ซึ่งชาวกัมพูชาที่เคยมาทำมาหากินที่นี่ก็ห่วงของเหมือนกัน แต่เขามาดูไม่ได้ เกิดคนกัมพูชามีสมบัติสิ่งของอยู่ที่นี่เขาจะชี้เป้าให้มาทำลายสมบัติเขาได้อย่างไร
เราต้องไตร่ตรองก่อนที่จะพูดอะไรออกไป เราต้องเห็นใจคนชายแดนด้วย เรารักชาติมาก แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรมาก เรานิ่งและอดทน วันนี้ต้องการให้เยียวยาไม่ต้องการให้ใช้เงิน หมายถึงให้เอาความจริงมาพูด ถ้าสงสัยก็ให้หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบมาดู ซึ่งเราเองก็ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นทหารอำเภอ จังหวัด โดยเฉพาะทหารในพื้นที่นั้นก็มาช่วยกันดูแลสอดส่องอย่างดีและแสดงความเป็นห่วงตลอด จึงขอร้องขอความเป็นธรรมอินฟลูฯที่มีชื่อเสียง ก่อนจะพูดอะไรให้มองเห็นถึงความเสียหายของคนอยู่ชายแดนด้วย เราต้องพึ่งพากันต้องใช้ชีวิตมีลูกมีหลานที่ต้องเรียน มีรายได้ที่ต้องจุนเจือครอบครัว ตลาดชายแดนช่องจอมเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อ มีคนต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวเกิดแรงซื้อขาย ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวชายแดนที่พึ่งพากัน คนกัมพูชาเมื่อก่อนก็มาทำงานที่นี่ มีการลงทุนทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน คนพื้นที่ได้ประโยชน์มาก ไม่ว่าจะเป็นจยย.รับจ้าง ค้าขายของชาวบ้านในพื้นที่อาหารการกินต่างๆ แต่ตอนนี้เงียบมาก ชาวบ้านค้าขายไม่ได้ หลายคนก็ถูกยึดรถและกระทบไปหมดกับการค้าขายของชาวบ้านคนไทย ที่มาค้าขายในบริเวณชายแดนช่องจอม
นางสาวออรอ บำเพ็ญดี ผู้ดูแลตลาดการค้าชายแดนช่องจอม กล่าวว่าที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐก็เข้ามาตรวจหลายครั้งที่ตลาดช่องจอม หลังจากมีการร้องเรียนมาชาวกัมพูชาอยู่ในตลาดช่องจอม แต่มีอยู่บางส่วนจำนวน 3 ครอบครัว 12 ราย มีทั้งเด็กเล็กที่เรียนในไทยอยู่ในช่วงสอบและได้สอบเสร็จแล้ว ทางผู้ปกครองเด็กก็ได้แจ้งทางตลาดว่าสอบเสร็จจะเดินทางกลับประเทศ เขาไม่ได้พักอยู่ในตลาดช่องจอม ซึ่งเราได้แจ้งทางหน่วยงานรัฐแล้ว หลังมาตรวจสอบและถ่ายรูปไว้ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเรา จนท.รัฐมาตรวจก็ไม่พบว่ามีชาวกัมพูชาลักลอบอยู่ ก็มีชาวกัมพูชาที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่กับตนบ้างก็ขออาศัยรถมาดูสินค้าที่เก็บไว้ในตลาดบ้าง แต่ไม่ได้มาตลอด ซึ่งเขาอยู่ในพื้นที่ๆฝ่ายความมั่นคงกำหนดและขอความร่วมมือ ซึ่งเราก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องของสายลับตนก็ได้ทำความเข้าใจกับชาวกัมพูชาที่มีลูกเรียนอยู่ที่นี่ ที่นี่มีคนไทยมาประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมาก หลายคนมองว่าที่ตลาดช่องจอมมีแต่ชาวกัมพูชาอยู่ ซึ่งข้อเท็จจริงก่อนที่มีเหตุการณ์ก็มีชาวกัมพูชามารับจ้างและลงทุนค้าขายเหมือนตลาดชายแดนอื่นๆทุกที่ รวมทั้งชาวบ้าน ต.ด่านเอง ก็เข้ามาค้าขายเช่นกัน
นายกฤติธี เจิดสูงเนิน จนท.ดูแลรักษาความปลอดภัยและขายของป่าด้วย กล่าว่วาตนขายไม่ได้ ต้องปล่อยให้ของเน่าเสียหาย คนไทยขายของที่นี่ก็เยอะ ส่วนชาวกัมพูชาก็กลับหมดแล้ว สินค้าทั้งหมดในตลาดช่องจอมล้วนเป็นสินค้าในประเทศไทย ซึ่งตลาดมีนโยบายผลักดันร้อยเปอร์เซ็นต์ มียามหลายคนช่วยกันดูแลป้องกันการก่อเหตุลักทรัพย์ต่างๆ ส่วนที่กลัวว่าเขมรจะหลบอยู่คอยชี้เป้าต่างๆโดรนมีทุกคืนอยู่แล้ววนไปวนมานั้น ยืนยันว่าไม่ใช่โดรนของเรา หรือของเขมรที่ว่าอยู่ในตลาดไม่มี และเป็นไปไม่ได้ที่จะมาชี้เป้าให้ยิงมาที่ตลาดใส่ของตัวเอง
Advertisement