วันที่ 28 ก.ย.68) ร้านขายก๋วยเตี๋ยว และอาหารตามสั่ง ในหมู่บ้านติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เริ่มไม่มั่นใจในสถานการณ์ หลังทหารเขมรขนอาวุธหนัก เสริมกำลังประชิดตามแนวชายแดน และมีการยิงปืนยั่วยุต่อเนื่องในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เกรงจะเกิดการสู้รบกันรอบสอง จึงได้ทยอยปิดร้านเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย ทั้งกลัวว่าหากสั่งของมาไว้ทำอาหารขาย แล้วเกิดการสู้รบกันขึ้นต้องอพยพออกจากพื้นที่ ของที่สั่งมาไว้ก็จะเน่าเสียหายทำให้ขาดทุนซ้ำอีก เพราะตั้งแต่ที่มีการสู้รบกันรอบแรกเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.68 การใช้ชีวิตและค้าขายก็ยังไม่เป็นปกติ
ขณะที่ร้านขายอาหารบางร้านที่ไม่ได้เปิดขายของเพราะกลัวการปะทะ ก็หาวัสดุอุปกรณ์ที่มี เช่น ยางรถยนต์เก่า ท่อนไม้ กะละมัง และถุงปุ๋ยบรรจุดิน ดัดแปลงทำเป็นบังเกอร์หลบภัยภายในร้าน หากเกิดเหตการณ์สู้รบขึ้นก็จะได้เข้าไปหลบเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะอพยพออกจากพื้นที่ เพราะหากวิ่งไปหลบที่หลุมหลบภัยส่วนกลางของหมู่บ้านก็อาจจะไม่ทัน
นายสมิง ชัยสีดา บอกว่า ครอบครัวมีอาชีพกรีดยางพารา และเปิดร้านขายอาหาร แต่หลังจากที่มีการสู้รบกันเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.68 ก็ต้องปิดร้านเพราะเกรงว่าหากซื้อของมาลงทุนขาย แล้วเกิดการสู้รบกันขึ้นของที่ซื้อมาก็จะเน่าเสียขาดทุน จึงยังไม่กล้าเปิดขาย ส่วนยางพาราก่อนหน้านี้ก็กรีดได้บ้าง แต่หลังจากที่เขมรยิงปืนยั่วยุเตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ทหารก็ห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยงภัย จึงไม่สามารถเข้าไปกรีดยางได้ ก็ต้องออกไปหาปลาหรือรับจ้างอย่างอื่นแทนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จึงอยากให้ทหารหรือรัฐบาลเร่งดำเนินการให้จบโดยเร็ว เพื่อที่ชาวบ้านจะได้กลับไปทำมาหากินและใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม
Advertisement