วันที่ 26 ก.ย.2568 บรรยากาศที่วัดเทพสุรินทร์ ตอนนี้มีชาวบ้าน ในพื้นที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ มาขออาศัยนอนอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง 37 คนแล้ว และกำลังทยอยเข้ามาอยู่ที่วัดต่อเนื่องรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ก็ได้ประสานกับทางเจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ จะเข้ามาที่วัด อีกครั้งหนึ่ง
นางพัตรา หารศรีภูมิ อายุ 48 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ บอกว่า ได้อพยพออกมากับชาวบ้านคนอื่นๆ และแยกย้ายกันไป ตนเองมีลูก และมีแม่ที่อายุมากจึงพากันออกมานอนที่ต่างอำเภอแล้วคืนหนึ่ง แล้วก็เข้ามาที่วัดแห่งนี้ได้เพียงหนึ่งคืน ซึ่งสาเหตุที่ออกมานั้นพบว่า มีการยั่วยุจากฝั่งทหารเขมร ที่ใช้ปืนเล็กยิงเข้ามา ตนเองไม่อยากให้รอไปจนถึง การใช้อาวุธปืนใหญ่หรือระเบิดจนเกิดการสูญเสีย เพราะสุดท้ายแล้วรัฐบาลก็ไม่ได้ช่วยเต็มที่ อย่างมากก็จัดงานศพให้ เพราะเงินเยียวยาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้ แต่ส่วนตัวก็ไม่เคยคิดอยากจะได้เงินเยียวยาเพราะชาวบ้านสามารถทำงานหาเงินได้มากกว่าเงินเยียวยาจากรัฐบาล 5,000 บาทให้ชาวบ้านต้องการความปลอดภัย และความสูญเสีย ที่เกาะกินใจคนชายแดนเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2554 คนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อาจจะไม่ได้รู้ดีเท่ากับคนชายแดน สส. หรือนักการเมือง ที่ชาวบ้านเลือกไป ลองเข้ามาอยู่ในพื้นที่ดู ว่าเป็นอย่างไร เพราะการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ชายแดนตอนนี้ก็ไม่สามารถทำงานได้หวาดระแวงออกไปกรีดยางก็ไม่ได้ ราคายางพาราตกต่ำ และราคาสินค้าเกษตรก็ตกต่ำไปหมด เด็กนักเรียนไม่ได้เรียนหนังสือ จึงรีบอพยพมาก่อน แต่ก็ไม่มีศูนย์พักพิงศูนย์อพยพอะไรเลยไปอาศัยนอนตามสถานที่ต่างๆจนได้มานอนที่วัดแห่งนี้
ส่วนตัวจึงอยากเรียกร้องให้จังหวัดสุรินทร์นั้นเปิดศูนย์อพยพอย่างเป็นทางการอาหารถ้าจะไม่จัดหาให้ชาวบ้านทุกคนก็พร้อมและตอนนี้ชาวบ้านในแต่ละหมู่บ้านในพื้นที่พนมดงรักก็ออกมา เกือบครึ่งหมู่บ้านแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ออกมาเพราะว่าไม่มีที่ไป ตนเองจึงอยากฝากถาม ทหารระดับสูงเหมือนกัน ในรอบที่แล้วเป็นเพราะรัฐบาลที่ทำอะไรไม่เด็ดขาด แต่ รอบนี้รัฐบาลใหม่ให้อำนาจทหารในการตัดสินใจ แล้วทหารทำอะไรอยู่ตอนนี้ ทำไมไม่เด็ดขาด อย่าไปกลัวเขมร
ส่วนการเจรจานั้นที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไร ตนเองอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ มาตั้งแต่ปี 2524 เขมรอพยพเข้ามาในพื้นที่เนื่องจากมีการสู้รบจนต้องมีการตั้งศูนย์อพยพกันในพื้นที่ ตนเองต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่พาหนี ไปอยู่ชลบุรี เกือบ 20 ปี เพราะเขมรฆ่าข่มขืนคนในหมู่บ้าน พอตนเองกลับมาเขมรก็ยังคงสร้างปัญหาต้องอพยพไปมาไม่จบสิ้น จึงมองว่าไม่ควรคุยหรือเจรจาแล้วกับเขมร ไม่ต้องไปมีสัมพันธ์ที่ดีอะไรต่อกันด่านการค้าหรือด้านเข้าเมืองก็ปิดถาวรไปเลย และบทเรียนที่ผ่านมา ที่เราไปช่วยเหลือเขมรต่างๆนานา คนที่เดือดร้อนคือชาวบ้านหมู่บ้านตนเองนั้น ตนเองมองว่าจนถึงตอนนี้ควรที่จะไม่มีภาพของการอพยพ จากการสู้รบแล้ว
ตนเองมองว่าไม่จำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนกับเขมรแล้ว ต่อให้ไม่มีเขมร ไทยไม่อดตาย ส่วนฮุนเซนนั้นก็ควรจะต้องตายแบบพลพจ ผู้นำเขมรแดง ที่ตายอยู่ในศาลโลกเหมือนลูกพี่ ที่สัญโลกให้เป็นอาชญากรของโลก ซึ่งฮุนเซนกับลูกชายนั้นไม่ต่างจากพลพจเลย
Advertisement