ดันแพ็กเกจมือถือธงฟ้า ราคา 99 บาท ลดภาระค่าครองชีพ

อินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญไม่ต่างจาก น้ำ ไฟ และอาหาร การเข้าถึงเครือข่ายดิจิทัลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวก แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน แต่เมื่อค่าบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตพุ่งสูงขึ้น การเข้าถึงสิทธินี้กลับยิ่งห่างไกลสำหรับผู้มีรายได้น้อย

 

สภาผู้บริโภคหนุนราคา 99 บาท

 

“สภาผู้บริโภค” ชูข้อเสนอ “แพ็กเกจมือถือธงฟ้า 99 บาท” เพื่อสร้างความเท่าเทียมแก่กลุ่มรายได้น้อย สวนทางราคาที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กำหนดไว้ที่ 210 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่ายังแพงเกินไป

 

กสทช. กำหนดเบื้องต้น 210 บาท

 

จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ข้อสรุปเบื้องต้นสำหรับ “แพ็กเกจมือถือธงฟ้า” โดยกำหนดราคาเบื้องต้นไว้ที่ 210 บาทต่อเดือน

 

ซึ่งแพ็กเกจนี้เป็นพื้นฐานที่บังคับให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกค่ายต้องจัดทำขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนเข้าถึงบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่สภาผู้บริโภคเห็นว่าราคานี้สูงเกินไป โดยราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 99 บาทต่อเดือน

 

ความเห็นจากสภาผู้บริโภค

 

โดยนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค ระบุว่า การกำหนดแพ็กเกจมือถือธงฟ้าของ กสทช. แม้จะถือเป็นก้าวแรกที่ดีในการสร้างมาตรฐานด้านราคา แต่ราคา 210 บาทต่อเดือนยังถือว่าสูงเกินไป สำหรับผู้บริโภคกลุ่มรายได้น้อย

 

สภาผู้บริโภคจึงเสนอว่าควรกำหนดราคาขั้นต่ำไว้ที่ 99 บาทต่อเดือน เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ “เน็ตทั่วถึง เป็นธรรม” และเป็นราคาที่ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้จริง

 

“การผลักดันราคาอินเทอร์เน็ตพื้นฐานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในสภาวะเงินเฟ้อ แต่ยังเป็นการรับประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร การศึกษา และบริการสาธารณะบนโลกออนไลน์อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งสิทธินี้ไม่ควรถูกจำกัดด้วยต้นทุนค่าบริการที่สูงเกินไป” นางสาวสุภิญญา กล่าว

 

เตรียมสำรวจความคิดเห็นประชาชน

 

สภาผู้บริโภคยังมีแผนที่จะสำรวจความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค เพื่อหาตัวเลขที่สะท้อนความสามารถในการจ่ายของประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมทั้งใช้ผลสำรวจดังกล่าวเป็นข้อมูลประกอบการผลักดันเชิงนโยบาย เพื่อให้เสียงของผู้บริโภคถูกนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจด้านกติกาและกำกับดูแลในอนาคต

 

ผลการศึกษา “ค่าใช้จ่ายพุ่งสูง”

 

จากผลการศึกษาที่ “สภาผู้บริโภค” เปิดเผยร่วมกับ “101 Public Policy Think Tank” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า

 

•  ในตลาดมือถือค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการแบบเติมเงินเพิ่มขึ้นกว่า 12 – 16% ภายในปีเดียว ขณะที่ผู้ใช้รายเดือนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

• แพ็กเกจราคาต่ำสุดที่เคยมีในตลาด เช่น แพ็กเกจราคาประมาณ 300 บาทต่อเดือน ได้หายไปทั้งหมด

• ราคาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้านไม่อั้นที่เคยอยู่ที่ 100 บาทไม่มีแล้วเช่นกัน โดยแพ็กเกจใหม่ที่ใกล้เคียงที่สุดอยู่ที่ 191 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า

• ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือราคาแพ็กเกจสูงสุดถึง 599 บาท และคุณภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะของค่ายที่ควบรวมมีแนวโน้มลดลง

• ผู้ใช้บริการติดต่อศูนย์บริการได้ยากขึ้น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการที่เป็นบุคคลจริงมากกว่าระบบอัตโนมัติ

 

ลดเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล

 

ทั้งนี้นางสาวสุภิญญา กล่าวย้ำว่า การสร้างมาตรการด้านการสื่อสารที่เป็นธรรมและทั่วถึง ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาสังคมไทยในระยะยาว การกำหนดแพ็กเกจมือถือพื้นฐานในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง จึงเป็นเป้าหมายที่สภาผู้บริโภคจะเดินหน้าผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต่อประชาชนทุกกลุ่ม