วันนี้ (14 กันยายน 2568) ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัด กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเป็นประธานประชุม ดีอี ร่วมกับตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนสถาบันการเงิน ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. ประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการการอายัดบัญชี หลังมีผู้ถูกอายัดบัญชีที่สุ่มเสี่ยงเป็นบัญชีม้าถูกอายัดบัญชีเป็นจำนวนมาก และกรณีนี้พบมีประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อน
โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดยที่ประชุม ได้ถกเถียงกันในประเด็นการคัดกรองบัญชีว่า ต้องใช้หลักเกณฑ์ใดในการแบ่งแยกประเภทระหว่างบัญชีทั่วไปและบัญชีม้า รวมถึงการสกัดกั้นบัญชีนั้น มีการตรวจสอบผ่านระบบใด และใครคือผู้มีอำนาจในการสรุปว่าบัญชีใดสมควรจะถูกอายัด ขณะเดียวกันยังได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหา
การประชุมนานใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง โดยศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ เปิดเผยหลังประชุม ว่า กรณีที่เกิดขึ้น เป็นกลไกที่นำมาใช้สำหรับติดตามช่วยผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มคอลเซนเตอร์หลอก ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระงับการใช้บัญชีชั่วคราวเพื่อไม่ให้มีการโอนเงินของผู้เสียหายต่อ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัด เป็นเพียงการระงับการทำธุรกรรมชั่วคราว และเป็นการระงับวงเงินเฉพาะจำนวนที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากกลุ่มอาชญากรทางออนไลน์ ไม่ใช่การระงับการทำธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งหลังเกิดเหตุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC เพื่อให้เร่งจำแนกบัญชีของบุคคลธรรมดา
และ กลุ่มบัญชีซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ โดยการตรวจสอบเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะมีข้อมูลทางการเงินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็จะทำให้ทราบว่า บัญชีที่แจ้งมาเป็นบัญชีบุคคลทั่วไปหรือเป็นบัญชีม้าที่แอบอ้างแจ้งข้อมูลเพื่อหวังให้ธนาคารปลดล็อควงเงินหรือไม่ โดยเท่าที่ได้รับรายงาน ทราบว่าขณะนี้มีผู้ได้รับผลกระทบแจ้งข้อมูลผ่านศูนย์ AOC ประมาณ 600-700 คน คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาของผู้แจ้งทั้งหมดได้ภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนปัญหาที่ได้รับแจ้งว่า การให้บริการผ่านศูนย์ AOC ติดขัดเนื่องจากมีคู่สายไม่เพียงพอนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ปัญหา รวมถึงประสานเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินเข้ามาช่วยตรวจสอบเพื่อให้กระบวนการรวดเร็วยิ่งขึ้น ยืนยันการระงับธุรกรรมลักษณะนี้เป็นคนละส่วนกับการอายัดบัญชีที่ตำรวจและปปง. ดำเนินการ พร้อมกำชับให้ผู้เสียหายประสานข้อมูลผ่าน สายด่วน AOC โดยตรงเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคอลเซนเตอร์อาศัยสถานการณ์ดังกล่าวสวมรอยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่โทรหา เพราะศูนย์ฯไม่มีนโยบายโทรหาผู้เสียหายก่อน
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ ยังระบุว่า ในวันนี้ที่ประชุมมีมติให้สร้างกลไกตรวจสอบเพื่อเพิกถอนการทำธุรกรรมผ่านบัญชีซึ่งถูกล็อกไว้ชั่วคราว สำหรับแยกบุคคลทั่วไปกับผู้ที่กระทำความผิดแล้วแอบอ้างเข้ามาในระบบ AOC
Advertisement