วันที่ 4 ก.ย. 68 พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่1 ในฐานะ โฆษกกองทัพภาคที่1 กล่าวถึงกรณีชาวกัมพูชา รวมตัวกดดันทหารไทยที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ภายหลังนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายเตือนให้ย้าย 170 ครัวเรือนกัมพูชาที่รุกล้ำออกจากพื้นที่ของไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดี และต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายดังนี้
1.พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
2.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำในพื้นที่เกินกว่า 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท
พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าวว่า อยากชี้แจงประชาชนได้รับทราบว่าขณะนี้ในพื้นที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมาย ภายหลังที่ผู้ว่าฯสระแก้ว สั่งติดป้ายเตือน ก็ปรากฏมวลชนกัมพูชา มีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา เข้ามากดดันทหารไทย เพื่อเป็นการแสดงออกก็ปล่อยให้เขาทำไป ในขณะที่การติดป้ายดังกล่าว อยู่ในพื้นที่ของไทย หากฝ่าฝืนเข้ามารุกล้ำหรือทำลายป้ายเหมือนกรณีการรื้อรั้วลวดหนามที่ผ่านมา ยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าวยืนยันว่า ทหารไทยไม่อยากที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับประชาชนชาวกัมพูชา จึงได้มีการประสานไปกับฝ่ายกัมพูชา ให้เข้ามาจัดระเบียบคนของตัวเอง ไม่ให้รุกล้ำเข้ามาฝั่งไทย หรือทำลายป้าย แต่หากยังฝ่าฝืน ก็จะดำเนินการตามกฎหมายไทยอย่างถึงที่สุด
เมื่อถามว่า ภายหลังติดป้ายเตือนแล้ว ต้องใช้เวลากี่เดือน ก่อนที่ฝ่ายไทยจะบังคับใช้กฎหมาย กับคนกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจาน พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าวว่า การจัดระเบียบชายแดน อยู่ระหว่างการหารือในการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทยทั่วไป ไทย-กัมพูชา อีกครั้งต่อไปนี้ เพื่อกำหนด กติกากรอบการปฏิบัติที่ชัดเจน
Advertisement