วันที่ 4 ก.ย. 68 นาย สนม เสาเปรีย อายุ 58 ปี ชาวบ้านสายโท 1 ใต้ ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พาทีมข่าวไปดูบริเวณสวนยางพาราท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่ประชาชนชาวกัมพูชาหลายพันคนหนีภัยสงครามกลุ่มเขมรแดงสู้รบกับกองกำลังเวียดนาม เมื่อกว่า 40 ปีก่อน เข้ามาลี้ภัย โดยยุคสมัยนั้นพื้นที่บริเวณนี้มีสภาพเป็นสวนยูคาลิปตัส และป่ารกทึบ แต่ชาวกัมพูชาที่เข้ามาลี้ภัยได้แผ้วถางป่า สร้างเป็นเพิงพักอาศัยจำนวนหลายหลัง ซึ่งชาวกัมพูชาได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 3–4 เดือน ก่อนจะถูกทหารไทยผลักดันออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพ หรือค่ายผู้ลี้ภัย เขาอีด่าง จ.สระแก้ว
ชาวบ้านบอกว่า หากช่วงนั้นทหารไม่ผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามาลี้ภัย สร้างเพิงพักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าวก็คงจะประสบปัญหาถูกยึดดินแดนแล้วอ้างสิทธิ์ ไม่ต่างจากที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
และในปี 2521 ยังมีเหตุการณ์ที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีวันลืม คือ ถูกกลุ่มเขมรแดงบุกเข้ามาปล้นสะดมทั้งอาหาร สัตว์เลี้ยงและสิ่งของเครื่องใช้ของชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงจุดไฟเผาตลาดนิคมบ้านกรวด จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน สร้างความเดือดร้อน และหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านกรวด ต้องพากันหนีเอาตัวรอด
ลุงสนม ได้เล่าย้อนอดีตเมื่อ 40 ปีก่อนให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อประมาณปี 2526 ได้มีชาวกัมพูชา ทั้งเด็กผู้ชาย ผู้หญิง ผู้สูงอายุเกือบหมื่นคน อพยพหนีภัยสงครามเขมรแดงสู้รบกับกองกำลังเวียดนาม เข้ามาลี้ภัย สร้างเพิงพักอาศัยในบริเวณสวนยูคาลิปตัส แม้ชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยจะไม่ได้ทำร้ายชาวบ้าน แต่ก็ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าจะเข้าไปทำไร่ ทำสวนแถวนั้นเพราะกลัว และหากทหารไม่ผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามาลี้ภัยออกจากพื้นที่ในตอนนั้น ทุกวันนี้ก็คงจะเกิดปัญหาไม่ต่างจากบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว พื้นที่บริเวณนี้อาจจะถูกกัมพูชายึดก็เป็นได้
ขณะที่ยายสมบูรณ์ เติมประโคน อายุ 70 ปี เล่าว่า นอกจากปี 2526 ที่มีชาวกัมพูชาหนีสงครามเข้ามาลี้ภัยสร้างเพิงพักอาศัยแล้ว เมื่อปี 2521 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม คือกลุ่มเขมรแดงเข้ามาปล้นสะดม จุดไฟเผาตลาดนิคมบ้านกรวด ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตบาดเจ็บหลายคน ตอนนั้นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน ต้องพากันไปหลบซ่อนตามจุดต่างๆ
ยายสมบูรณ์ บอกว่า ตอนนั้นกำลังตั้งครรภ์ ก็กลัวจะได้รับอันตราย เพราะคอกหมูที่ครอบครัวเลี้ยงไว้ ถูกจุดไฟเผาด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นก็จำได้ไม่ลืม และเหตุการณ์ความขัดแย้งล่าสุดกับกัมพูชาที่มีการสู้รบกัน เมื่อปลายเดือน ก.ค.68 ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเชื่อใจเขมรเลย
ขณะที่นายกฤษวี ชาวบ้านชายแดน ก็บอกว่า ตอนเกิดเหตุการณ์ตนยังเล็กมาก แต่จากที่ได้ฟังเรื่องราวจากแม่ และทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่สมัยนั้น หากทหารไม่ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ลี้ภัย ณ ตอนนั้น ไทยอาจจะเสียดินแดนให้เขมร และคงเผชิญปัญหาไม่ต่างจากบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนสิ่งที่กัมพูชาพยายามยึดที่ดินของชาวบ้านที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ถือเป็นการกระทำที่เรียกว่าเนรคุณ เพราะไทยเคยช่วยเหลือให้ที่กิน ที่นอนในยามวิกฤต แต่กลับจะมายึดแผ่นดินของไทย
นายกฤษวี ยังบอกอีกว่า จากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็อยากให้ปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูถาวรไปเลย เพราะไม่ไว้ใจกัมพูชาอาจจะแฝงตัวเข้ามาหาข้อมูลความลับฝั่งไทย โดยการปิดจุดผ่อนปรนอาจจะกระทบกับการค้าขายฝั่งไทยแค่ส่วนน้อย แต่จะกระทบกับทางกัมพูชามากกว่า
Advertisement