สื่อนอกฟาดหัวแรงอนุทินเจ้าของฉายา “ราชากัญชา” ขึ้นเป็นนายกฯ
สื่อนอกฟาดหัวแรง อนุทินเจ้าของฉายา “ราชากัญชา” ชนะโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 32 ถือเป็นผู้นำไทยคนที่ 3 ในรอบกว่า 1 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สื่อต่างประเทศ “ไฟแนนเชียลไทมส์” รายงานข่าวมติที่ประชุมสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยระบุว่า ส.ส.ไทยได้ลงมติเลือกนักธุรกิจเก่าและนักการเมืองมากประสบการณ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฉายา “ราชากัญชา” เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นผู้นำคนที่สามของประเทศในรอบเพียงกว่าหนึ่งปี
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล มาจากครอบครัวเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านก่อสร้าง ได้รับคะแนนโหวต 311 เสียงเมื่อวันศุกร์ เกินกว่าจำนวน 247 เสียงที่ต้องการจาก ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างสบาย
นักการเมืองสายอนุรักษนิยมและผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแข็งขัน อนุทิน วัย 58 ปี เป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีบทบาทกำหนดทิศทางการเมืองไทยในทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นผู้สนับสนุนการปลดล็อกกัญชาอย่างเปิดเผย
พร้อมทั้งระบุว่า อนุทินกำลังจะเข้ามารับตำแหน่งท่ามกลางสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศ
ตลอดช่วง 17 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของไทย 5 คน ถูกศาลปลดออกจากตำแหน่ง เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการค้าและการท่องเที่ยวก็ยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เต็มที่หลังการระบาดของโควิด-19 โดยจีดีพีขยายตัวเพียง 2.8% ในไตรมาส 2 อีกทั้งยังต้องเผชิญกับมาตรการภาษี “ตอบโต้” ของสหรัฐฯ ตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของไทย ที่สูงถึง 19%
การลงมติเมื่อวันศุกร์มีขึ้นภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากพบว่ามีความผิดด้านจริยธรรม ก่อนหน้านี้เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ถูกศาลปลดออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ด้านเคน มาธิส โลหะพานนท์ นักศึกษาปริญญาเอกและนักวิเคราะห์การเมือง มหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวว่า “การที่อนุทินขึ้นมาดำรงตำแหน่งครั้งนี้ ย่อมไม่สามารถยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยได้” พร้อมเสริมว่า “รัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้นหาได้ยากในประเทศไทย… ซึ่งอาจทำให้กระบวนการออกนโยบายชะงักงันยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ สื่อต่างชาติระบุว่าอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคใหญ่เป็นอันดับ 3 ในสภาผู้แทนราษฎร ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการสนับสนุนจากพรรคประชาชน (People’s Party) ที่เป็นฝ่ายค้านและเป็นพรรคใหญ่ที่สุด แต่ตามข้อตกลง เขาให้คำมั่นว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือนและจัดการเลือกตั้งทั่วไป
ขณะที่ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ นักวิชาการด้านการเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประเทศไทยติดอยู่ใน “วัฏจักรการเลือกตั้งที่นำไปสู่วิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่า” และว่า “ความปั่นป่วนยังคงดำเนินต่อไป”
พรรคประชาชน (ชื่อเดิม พรรคก้าวไกล) ซึ่งชนะการเลือกตั้งปี 2566 แต่ถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล และหัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากการผลักดันแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พรรคนี้แม้จะโหวตหนุนอนุทินเมื่อวันศุกร์ แต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ทั้งยังผลักดันให้มีการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ร่างโดยรัฐบาลทหาร
ประเด็นนี้ อาจารย์ได้แสดงความเห็นว่า “ข้อตกลงนี้จะบังคับใช้ได้ยากมาก” เพราะที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
Advertisement
