ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ได้กล่าวกับนักศึกษาหลักสูตรวัคซีนเพื่อสังคม (วชส.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตอนหนึ่งระบุว่า ”ปราสาทตาเมือนธมมีการวางรั้วลวดหนามไว้ทั้งหมด หากมาแตะรั้ว ผมต้องทำใจ ผมถือว่าแตะอธิปไตยไทย ถ้าอยากรู้ว่าจะทำอย่างไร ก็ลองมาแตะดู และยืนยันรั้วพื้นที่กองทัพภาคที่2 อยู่ชั่วกัลปาวสาน สำหรับปราสาทตาเมือนธมปิดตาย รั้วลาดหนามขึงแล้วขึงเลยไม่เอาออกจะขึ้นมาต้องใช้วีซ่า และพาสปอร์ต" นั้น
ต่อมาวันที่ 3 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความเห็นเกี่ยวกับการปิดตาย ปราสาทตาเมือนธมดังกล่าวกับชาว จ.สุรินทร์ โดยพบกับนายทองเจริญ ยวนใจ อายุ 77 ปี และนางบุญล้อม ยวนใจ อายุ73 ปี ชาวบ้าน จ.สุรินทร์ บอกว่า ตนเห็นด้วยกับ แม่ทัพภาคที่2 อยากให้ทำกำแพงมาตรฐานไปเลย ถ้าไม้ล้อมก็จะเป็นเหมือนเดิม ปิดตายไปเลย กำลังพลของเราจะได้มีความปลอดภัย ไม่ต้องสนใจ เชื่อใจเขมรไม่ได้ เอาความปลอดภัยของกำลังพลเราก่อน ส่วนจุดอื่นก็อยู่ที่แม่ทัพว่าจะปิดจุดไหนบ้าง
เขาจะรู้ดี จุดที่ดีที่สุด ตนคิดว่าน่าจะเกิดสงครามรอบที่2 แต่ไม่อยากให้เกิด แต่เขมรขนกำลังมาประชิดชายแดนทุกวัน ติดตามข่าวชายแดนทุกวัน เป็นห่วงสงสารชาวบ้านชายแดน ญาติพี่น้องก็มาขอลี้ภัยอพยพมาอยู่ที่บ้าน และวัดใกล้บ้าน อยากให้จบเร็วๆ จะปรองดองหรือทำยังไงให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะรัฐบาลบาลให้มาแก้ไขเรื่องปัญหาชายแดนให้จบเร็วๆ ชาวบ้านลำบาก และเรื่องเศรษฐกิจปากท้องด้วย
Advertisement