
วันที่ 16 ธ.ค. 68 บรรยากาศที่ตลาดชายแดน จ.สุรินทร์ พบว่ามีเสียงปืนใหญ่ยิงปะทะกันระหว่างกัมพูชา ตั้งแต่ช่วง 07.00 น. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางความตึงเครียดของการปะทะที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้สร้างผลกระทบอย่างหนักต่อการค้า โดยตามคำบอกเล่าของชาวบ้านพบว่าหลังจากที่มีการปะทะรอบแรก ตลาดแห่งนี้ก็มีความซบเซา ขณะนั้นยังพอมีร้านค้าเปิดอยู่ประปราย แต่เมื่อมีการปะทะรอบสอง ทำให้ร้านค้าปิดแทบจะ 100%
โดยพบว่าพื้นที่นี้มีสภาพเป็นพื้นที่ร้าง ไร้ผู้คนค้าขาย เหลือเพียงสุนัขและแมว ทั้งของคนไทย และของแรงงานกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ แต่พบว่าในช่วงเช้า- เย็น ยังพอมีการขายกับข้าวของสด และผักบางส่วน
นายสุข เขียวอุสาห์ อายุ 68 ปี พ่อค้าขายโรตี เล่าว่า ตนเองใช้ท่อระบายน้ำเป็นที่หลบภัยในยามที่มีเสียงปืนใหญ่ดัง ซึ่งตั้งแต่มีการสู้รบในรอบแรกจนมาถึงรอบสองก็อยู่พื้นที่ไม่ได้ไปไหน และการปะทะรอบสองนี้ถือว่าหนัก ก่อนหน้านี้ยังขายโรตีได้วันละ 300-500 บาท แต่ตอนนี้ไม่มีรายได้ จึงใช้วิธีการหาปู หาปลาในบ่อใกล้ๆ เพื่อประทังชีวิต ซึ่งส่วนตัวอยากให้จบอยากให้ทำให้เสร็จๆ ไป แต่ไม่ได้ไปกดดันทหาร
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้สอบถามคนไทยที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวถึงการดูแลหมาแมว ชาวบ้านเล่าว่า ได้ให้อาหารหมาแมวอยู่เป็นประจำ โดยใน 1 วัน ให้อาหาร 2 รอบ (เช้า-เย็น) โดยต้องใช้อาหารประมาณ 1 กระสอบ หรือ 20 กิโลกรัม โดยรวมมีอยู่กว่าร้อยตัว อย่างไรก็ตามมีเสียงสะท้อนอยากให้หน่วยงานเข้ามาดูแล เนื่องจากสุนัขและแมวมีจำนวนมากเกินไป และอาหารอาจมีไม่เพียงพอ
Advertisement