Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เจ้าอาวาสขอนแก่นร้องไห้ หลังถูกเจ้าของที่ดินฟ้องแพ่งเอาที่วัดคืน

เจ้าอาวาสขอนแก่นร้องไห้ หลังถูกเจ้าของที่ดินฟ้องแพ่งเอาที่วัดคืน

28 ส.ค. 68
18:48 น.
แชร์

เจ้าอาวาสขอนแก่นร้องไห้ หลังถูกเจ้าของที่ดินฟ้องแพ่งเอาที่วัดคืน แม้ศาลฎีกาสั่งยกฟ้อง พร้อมเปรยหากสิ้นชีวิตฝากวัดให้ชุมชนช่วยดูแลรักษาต่อ 

วันที่ 28 ส.ค. 68 ที่ศาลาการเปรียญ วัดป่าอดุลยาราม ม.16 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรงข้ามมหาวิทยาลัยขอนแก่น พระครูอดุลย์ สารนิเทศ เจ้าอาวาสวัดป่าอดุลยาราม นำคณะสงฆ์ของวัดรวม 15 รูป ร่วมกันชี้แจงคำสั่งศาลฎีกา และศาลแพ่งให้กับกรรมการชุมชน และประชาชนในเขตชุมชนหนองแวงตราชู1-6, ชุมชนสามเหลี่ยม1-5, ชุมชนวัดป่าอดุลยาราม และชุมชนมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับทราบ 

ภายหลังศาลฎีกา และศาลชั้นต้นของศาลแพ่ง มีคำสั่งยกคำร้องกรณีนางบัวไข (สงวนนามสกุล) ในฐานะผู้จัดการมรดกยื่นฟ้องวัดป่าอดุลยาราม, เจ้าพนักงานที่ดินขอนแก่น และเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อขอที่ดินของวัดคืนให้กับครอบครัวรวมเนื้อที่ 26 ไร่ โดยศาลฎีกา และศาลชั้นต้นของศาลแพ่งมีคำพิพากษายกคำร้อง ขณะที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ศาลแพ่ง ท่ามกลางความสนใจของชาวชุมชนที่ทราบข่าวเข้าร่วมรับฟัง และร่วมตรวจสอบเอกสารคำสั่งศาลตามที่วัดนำมาชี้แจงให้กับชุมขนได้รับทราบ 

พระครูอดุลย์ สารนิเทศ เจ้าอาวาสวัดป่าอดุลยาราม กล่าวว่า มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้เมื่อปี 2533 ขณะนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์อยู่ โดยนายเฮียง (สงวนามสกุล) ได้มามอบที่ดินจำนวน 21 ไร่ให้ เพื่อทำวัด ซึ่งวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการอย่างถูกต้อง และในปี 2541วัดได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจากกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น 

ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงานของวัดร่วมกับชุมชนตั้งแต่ปี 2533-2546 อยู่กันอย่างสงบสุข วัด บ้าน โรงเรียน อยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย มีกิจกรรมวันสำคัญต่างๆ หรืองานในทางพุทธศาสนา หรืองานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ก็ดำเนินงานร่วมกันด้วยดี โดยเฉพาะกับเรื่องของการรักษาธรรมชาติ และคงไว้ซึ่งพันธุ์ไม้นานาชนิด เรียกได้ว่าวัดของเรานั้นอุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และความร่มรื่นในเขตเมือง และที่สำคัญคือเรื่องของการฌาปนกิจผู้ยากไร้ วัดเราทำมาตลอดโลงฟรี รถฟรี จัดงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือหากมีก็ตามกำลังของเจ้าภาพ 

พอมาปี 2547 โจทก์คือภรรยาของนายเฮียง เจ้าของที่ดินได้ฟ้องขับไล่วัดป่าอดุลยาราม เพื่อขอคืนที่ดินของวัด 2 แปลง แปลงแรกจำนวน 21 ไร่ 3 งาน 61 ตารางวา และอีกแปลง 5 ไร่ ซึ่งขณะนั้นที่ดิน 21 ไร่กว่ามีโฉนดที่ดินชัดเจน และเป็นที่ตั้งของวัด ส่วนอีก 5 ไร่ยังไม่ออกโฉนด แต่เป็นที่ตั้งของสำนักชี ซึ่งการต่อสู้ทางคดีวัดกับโจทก์ก็ดำเนินการไปจนศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีโจทก์ จึงยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ยกคำร้อง จนกระทั่งมาถึงศาลฎีกา ซึ่งศาลมีคำสั่งที่ 9024/2555 ลงวันที่ 10 ก.ค. 2555 นางบัวไข ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเฮียง ได้ยื่นฟ้องขับไล่วัดอีก 

ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง ศาลฎีกาท่านให้เหตุผลว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทนั้น เห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้โดยชอบด้วยเหตุผลแล้วไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยอีกทั้งฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฏีกา ต่อมาโจทก์ได้ยื่นฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินขอนแก่นต่อศาลปกครองก่อนที่ศาลปกครองจะส่งต่อศาลแพ่งตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่1 คือเจ้าพนักงานที่ดินขอนแก่น, จำเลยที่2 คือเทศบาลนครขอนแก่น และจำเลยที่3 คือวัดป่าอดุลยาราม เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ข้อหาใช้ที่ดินเพิกถอนนิติกรรมขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งศาลชั้นต้นยกคำร้อง และโจทก์ยื่นอุทธรณ์คดี 

พระครูอดุลย์ สารนิเทศ กล่าวต่อว่า อาตมาอายุมากแล้ว ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาของศาลจังหวัดขอนแก่นได้ยกคำร้อง และวัดชนะ อีกทั้งศาลชั้นต้นของศาลแพ่งพิจารณายกคำร้องเช่นกัน และโจทก์คือภรรยาและลูกสาวของผู้เสียชีวิตที่มอบที่ดินนั้นได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายการชี้แจงทำความเข้าใจกับญาติโยมทุกชุมชนที่อยู่โดยรอบของวัด 

วันนี้เป็นการทำความเข้าใจ และนำสิ่งที่ถูกต้องและเอกสารคำสั่งศาลมาแสดงต่อสาธารณชน และสื่อมวลชน เพื่อให้ชุมชน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาร่วมกันปกป้องพระภิกษุที่จำวัด 15 รูป มาร่วมกันปกป้องและรักษาไว้ ซึ่งวัดของชุมชนที่มีเอกสารต่างๆ ถูกต้องมีคำสั่งศาลชัดเจน เพราะทราบกันว่าวัดเรานั้นตั้งอยู่ในเขตเมืองเป็นพื้นที่ทำเลทอง อาตมาขึ้นโรงขึ้นศาลมาหลายสิบปี อายุมากชราภาพ และมีโรคประจำตัวจะอยู่ปกป้องวัดคู่เมืองขอนแก่นแห่งนี้ได้อีกไม่นาน จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้หน่วยงานรัฐเอกชนชุมชน และทุกภาคส่วนได้ร่วมกันรักษาวัดแห่งนี้ไว้ต่อไป 

ด้านนายอดุลย์ พลธานี อายุ 77 ปี กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวมาทำกิจกรรมและอยู่กับวัดแห่งนี้มาหลายสิบปี ทราบถึงเรื่องการฟ้องร้องมาตลอด วันนี้ความกระจ่างปรากฎแล้วตามคำสั่งศาลที่ท่านได้นำมาเสนอต่อสาธารณชน และสื่อมวลชน การที่ท่านเจ้าอาวาสออกมาพูดทั้งน้ำตานั้น ก็หวังจะให้วัดแห่งนี้อยู่คู่เมืองขอนแก่นต่อไป ซึ่งชุมชนรอบข้างวัดกว่า 20 ชุมชนรับทราบ และเข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และจะนำความชัดเจนจากเอกสารคำสั่งศาลนี้แจ้งให้กับชุมชนได้รับทราบ 

วัดแห่งนี้อยู่กับชุมชนมาหลายสิบปี ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมาตลอด ญาติโยมมีทั้งคนสูงอายุ วัยทำงาน วัยหนุ่มสาว นักเรียน นักศึกษา และเด็กๆ มาทำกิจกรรมร่วมกันตลอด เพราะวัดอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย อยู่ในย่านชุมชนใจกลางเมือง มีความร่มรื่นสงบสุขสวยงามทางธรรมชาติอย่างครบถ้วน และที่สำคัญคือมีฌาปนสถานที่แทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ท่านเจ้าอาวาส ซึ่งอยู่มาตั้งแต่ก่อตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นทะเบียนวัด และดำเนินกิจกรรมต่างๆ กับคนขอนแก่นมาทั้งชีวิตการออกมายืนหยัดปกป้องรักษาวัดแห่งนี้ให้อยู่กับชุมชน ท่านไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อส่วนร่วมและทำอย่างถูกต้อง วันนี้ชุมชนเข้าใจ และจะแสดงพลังรักษาวัดแห่งนี้ให้อยู่คู่กับเมืองขอนแก่นตลอดไปแม้กระบวนการทางกฎหมายจะต่อสู้กันอีก 2 ศาลก็ตาม"

Advertisement

แชร์
เจ้าอาวาสขอนแก่นร้องไห้ หลังถูกเจ้าของที่ดินฟ้องแพ่งเอาที่วัดคืน