ความสำคัญของการ "ชิงพื้นที่ข่าวในระดับนานาชาติ" ความจริงถ้าพูดช้าไป ข่าวปลอมจะได้สื่อสารโลกก่อน
ในหลายสมรภูมิความขัดแย้ง "ความไวต่อกระแสโลก" และ "ความเร็วในการส่งเสียงตนเอง” ออกไปให้ทันเหตุการณ์ สำคัญไม่แพ้ยุทธวิธีทางทหาร เพราะหากเราช้า ความจริงของเราจะถูกฝ่ายตรงข้ามแย่งชิงพื้นที่ไปต่อหน้าต่อตา
ในภาวะสงครามหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ การชิงพื้นที่ข่าวในระดับสากลจึงเป็นทั้งยุทธศาสตร์เชิงรุกและเชิงรับอย่างแท้จริง และหนึ่งในอาวุธร้ายในยุคดิจิทัล "ข่าวปลอม" ที่ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด แต่เป็นการ "จัดสร้าง" เพื่อบิดเบือนความจริงอย่างจงใจ
- พล.ท.หญิง มาลี ตีหน้าตาย บอกไม่มีเสียงปืนดังขึ้นตามแนวชายแดนแล้ว
- กองทัพโต้ "เจ๊มาลี" โฆษกกลาโหมขแมร์ แต่งนิยายไทยยิงอาวุธเคมี
- หน้าไม่อาย! ซัด “มาลี” ตีเนียน อ้างตาเมือนธมเป็นของเขมร
หากโดนโจมตีด้วย ข่าวปลอม ยิ่งต้องตะโกนความจริงให้ดังๆ
การชิงพื้นที่ข่าวหมายถึงความพยายามของประเทศ คู่ขัดแย้ง หรือแม้แต่องค์กรที่มีผลประโยชน์ในความขัดแย้งนั้น ๆ ในการเผยแพร่ข้อมูล เล่าเรื่องราว หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะที่ทำให้ "ผู้เสพข่าวในต่างประเทศ" โดยเฉพาะนักการทูต นักสิทธิมนุษยชน และสื่อระดับโลก เห็นด้วยกับฝ่ายตน หรือไม่สามารถเชื่อฝ่ายตรงข้ามได้
ความชอบธรรม (Legitimacy) ในสงคราม
ในระบบโลกปัจจุบัน การกระทำของประเทศหนึ่งจะถูกประเมินผ่านหลักเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาเจนีวา, กฎของสหประชาชาติ, และสิทธิมนุษยชน หากประเทศใดสามารถชี้ให้เห็นว่าตนกำลัง "ปกป้องประชาชนของตนเอง" หรือ "ต่อต้านการรุกราน" ก็ย่อมได้รับความเห็นใจและแรงสนับสนุนมากกว่าฝ่ายที่ถูกตีตราว่าเป็น "ผู้รุกราน" หรือ "อาชญากรสงคราม"
สื่ออย่าง BBC, Al Jazeera, CNN, Reuters, Associated Press ฯลฯ มีอิทธิพลต่อ "ทัศนคติของโลก" โดยตรง หากฝ่ายหนึ่งสามารถเข้าถึงสื่อเหล่านี้ และนำเสนอภาพความสูญเสีย ความยากลำบาก หรือข้อเท็จจริงที่ตัดตอนมาชี้ให้เห็นว่าตนเป็นผู้เสียหาย ก็อาจสามารถเปลี่ยน "มุมมองของประชาคมโลก" ได้ทั้งระบบ
ข่าวปลอมในสงครามไม่ใช่ความเข้าใจผิด แต่คือ "ยุทธศาสตร์ที่ออกแบบโดยเจตนา" โดยมีเป้าหมาย
• ทำลายความน่าเชื่อถือของอีกฝ่าย
• ปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเกลียดชัง
• สร้างความชอบธรรมให้การกระทำของตนเอง
• หยุดยั้งหรือสับสนข้อมูลของสื่อโลก
• ทำให้สื่อสากล "ลังเล" ไม่สามารถฟังเสียงฝ่ายใดได้เต็มที่
• ลดความไว้วางใจของประชาชนต่อข้อมูลทุกประเภท
• ทำให้เกิด "ความเบื่อหน่ายข่าว" (news fatigue) ซึ่งเป็นผลดีต่อฝ่ายที่ต้องการให้โลก "เลิกสนใจ"
ในภาวะสงคราม เหตุความขัดแย้งรุนแรง หากฝ่ายใด "ทำงานแบบพนักงานออฟฟิศ ตอกบัตร ทำงานครบชั่วโมง รอเลิกงาน แล้วกลับบ้านโดยไม่รับรู้อะไรเลย" จากได้เปรียบอาจกลับกลายเป็นเสียเปรียบ
โลกไม่รอให้เราเตรียมเอกสารครบ สงครามไม่ได้หยุดรอ มติเจรจา และความจริงจะถูกบดบัง หากคนที่ควรส่งเสียง กลับ "เงียบ" หรือ "พูดในลำคอ"
ขอจงตระหนักว่าในสนามข่าวระดับโลก ถ้าคุณพูดช้าไปเพียง 1 ชั่วโมง สิ่งที่คุณพูดอาจไม่มีใครอยากฟังอีกต่อไปแล้วก็ได้
Advertisement