(26 ก.ค. 2568) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. สถานการณ์บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยประชาชนชาวกัมพูชาจากทั่วประเทศต่างเตรียมสัมภาระ ทั้งลูกเล็กเด็กแดงชีมายืนคอยและนั่งคอยที่จะเตรียมตัวกลับประเทศในอากาศช่วงเช้า ที่มีความร้อนและอึดอัดยัดเยียดไปด้วยผู้คนของกัมพูชา ที่มารอเป็นจำนวนมากนับหมื่นคน เมื่อมีชาวกัมพูชาจำนวนมากรวมหมื่นคนทยอยรวมตัวกันเพื่อเดินทางกลับประเทศของตนเอง
ขณะที่ประชากรชาวกัมพูชาจากทั่วประเทศเดินทางมารวมตัวที่จุดลานจอดรถและขนถ่ายสินค้าของตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาด่านถาวรบ้านแหลม โดยประตูใหญ่ยังคงปิดทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา เตรียมเปิดเพียงประตูเล็กให้เดินผ่านเท่านั้น
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ได้ออกคำสั่งพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวไทยและชาวกัมพูชา ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศของตนเอง โดยกำหนดให้สามารถผ่านแดนได้ระหว่างเวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น.
การรวมตัวของชาวกัมพูชาจำนวนมากนี้เป็นไปตามมาตรการปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนทางการค้าทุกแห่ง ในพื้นที่ จ.จันทบุรี ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2568 เป็นต้นไปเพื่อควบคุมพื้นที่และรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการจัดการและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ เพื่อให้การผ่านแดนเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด โดยกัมพูชาอีกหลายคนก็พูดเชิงคล้ายกันว่า อยากจะกลับแต่ต้องกลับไปทำนาทำสวนทำไร่ เพราะยังไม่รู้ว่ามีอาชีพหรือเปล่า
โดยหนึ่งในแรงงานชื่อ นาย จ. กำพร ประชาชนประเทศกัมพูชาเปิดเผยว่า ทำงานอยู่ประเทศไทยมาห้าปีแล้ว มีอาชีพก่อสร้างและเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร เพื่อจะเดินทางกลับบ้าน และคงกลับไปทำงานที่ประเทศของตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร คงกลับไปทำไร่ทำสวนทำนาและบ้านของตัวเองที่อยู่ในกัมพูชา อยู่ไกลจากประเทศไทยมาก ซึ่งอยู่ไกลเลยพนมเปญไปอีก แต่ด้วยความกลัวสถานการณ์สู้รบในขณะนี้ จึงขอกลับบ้าน แล้วสถานการณ์ดีขึ้นคงอาจจะได้กลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีก โดยกลับกันทั้งครอบครัว
Advertisement