Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เจ็บเจียนตายเพราะเขาไม่รัก “โรคอกหัก” รักษาไม่ทัน อันตรายถึงชีวิต

เจ็บเจียนตายเพราะเขาไม่รัก “โรคอกหัก” รักษาไม่ทัน อันตรายถึงชีวิต

16 ก.ค. 68
12:08 น.
แชร์

ความเจ็บปวดจากการถูก นอกกายนอกใจ หักหลัง หรือผิดหวังในความรัก มันสาหัสจนทำเอาหลาย ๆ คนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน เครียดหนักจนต้องเข้าพบจิตแพทย์เป็นปี ๆ  ใครจะไปคิดว่าความเจ็บปวดทางใจ จะส่งผลกับร่างกายเราได้มากขนาดนี้ แล้ว "อาการอกหัก" ที่เราพูดถึงกันบ่อย ๆ มันสามารถรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ได้หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบให้คลายข้อสงสัยกัน

"อกหัก" อันตรายถึงชีวิต!

"อกหัก" ไม่ใช่แค่ความรู้สึกผิดหวังเสียใจธรรมดา ๆ แต่คือความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่รุนแรงมาก หากชีวิตของเราต้องเผชิญกับความเสียใจสุดขีด ความเครียดรุนแรง หรือเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมาก ๆ และถ้าเราไม่รีบทำใจให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันอาจลุกลามไปถึงขั้นที่เรียกว่า "ภาวะหัวใจสลาย" (Broken Heart Syndrome) และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

"โรคหัวใจสลาย" คืออะไร?

โรคหัวใจสลาย หรือ ภาวะหัวใจสลาย (Broken heart syndrome) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Takotsubo Cardiomyopathy  เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้าย เกิดอาการอ่อนแรงเฉียบพลัน ทำให้การบีบตัวของหัวใจลดลงชั่วคราว ซึ่งห้องนี้มีหน้าที่หลักในการส่งเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย เมื่อหัวใจทำงานผิดปกติ ก็จะเกิดอาการคล้ายหัวใจขาดเลือด เช่น เจ็บหน้าอก หายใจขัด หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ เป็นลม หรือเสียชีวิตได้

สาเหตุของภาวะหัวใจสลาย

ถึงแม้จะยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนของภาวะหัวใจสลายได้ แต่ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคนี้คือ ภาวะอารมณ์สะเทือนใจสุดขีด ไม่ว่าจะเรื่องร้ายแรงอย่างความเครียดรุนแรง การสูญเสียคนรักกะทันหัน หรืออกหักเสียใจสุด ๆ ไปจนถึงการรับรู้เรื่องดี ๆ ที่ไม่คาดฝันก็เป็นไปได้เช่นกัน

อาการของภาวะหัวใจสลายที่ควรสังเกต

·        เจ็บแน่นหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน คล้ายกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และมีอาการนานหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง

·        เหนื่อยง่าย หรือมีภาวะน้ำท่วมปอด

·        หน้ามืด เป็นลม หมดสติ

·        อาการอื่น ๆ เช่น ความดันเลือดต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หายใจลำบาก และในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจล้มเหลวและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

การวินิจฉัยและการรักษา

แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้ด้วยการตรวจเอคโคหัวใจ (Echocardiogram) เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานและการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ รวมถึงการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจเพื่อแยกโรคออกจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

โดยปกติแล้ว โรคหัวใจสลายที่เกิดจากความเครียดมักจะ หายได้เองภายใน 1-4 สัปดาห์ แต่ในช่วงที่หัวใจบีบตัวผิดปกติ แพทย์จะทำการรักษาตามอาการ เช่น การใช้ยาควบคุมการเต้นและการบีบตัวของหัวใจ และแก้ไขปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรค

ป้องกันอย่างไรไม่ให้ "หัวใจสลาย"

เนื่องจากความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคนี้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การบริหารจัดการจิตใจและลดความเครียด พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง เสริมสร้างความรักในครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง ไม่เก็บตัวจมอยู่กับความทุกข์ เมื่อรู้สึกเครียด ให้รีบหาทางผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่สนใจ

หากมีปัญหากับคนรัก ให้พยายามหันหน้าพูดคุยกันด้วยความใจเย็น และหากเสียใจจากการสูญเสียคนรัก ให้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนมาก ๆ นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

รักษาร่างกายแล้วอย่าลืมเยียวยาจิตใจ

พญ.นพวรรณ ตันศิริมาศ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเยียวยาแผลใจให้หายเร็วที่สุด

1. ยอมรับความจริง

เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การยอมรับว่าความรักมันจบลงแล้ว จะช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบันได้ และก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง

2. เลิกคิดวกวนซ้ำซาก

หยุดคิดวนไปวนมาว่า "ทำไมเขาทำแบบนี้?" "ทำไมเขาถึงเลิกกับเรา?" เพราะมันมีแต่จะทำให้เราทุกข์ใจซ้ำเติมตัวเองเปล่า ๆ

3. เก็บของที่ทำให้คิดถึงออกไปให้พ้นตา

รูปถ่าย ของขวัญ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้นึกถึงแฟนเก่า เก็บให้หมด หรือจะทิ้งไปเลยก็ได้ ที่สำคัญคือ ลบไลน์ เฟซบุ๊ก หรือช่องทางติดต่อทุกอย่างของแฟนเก่าออกไปซะ เพราะยิ่งพยายามติดต่อเพื่อหวังให้เขากลับมา แต่เขาไม่ตอบสนอง ยิ่งจะทำให้เราช้ำใจหนักกว่าเดิม

4. หลีกเลี่ยงการฟังเพลง ดูหนัง ละครมู้ดโทนอกหัก

เพราะมันจะยิ่งดึงเราจมดิ่งลงไปในความเศร้า ทำให้ปรับตัวได้ช้าลงไปอีก

5. สร้างสิ่งดี ๆ เพิ่มพลังใจให้ตัวเอง

อย่าโทษตัวเองว่าเราผิด ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกทุกเช้า แล้วพูดชมตัวเองเบา ๆ หรือพูดดัง ๆ ไปเลยก็ได้ เช่น "สวยจัง" "เก่งจัง" "หล่อจัง" คำพูดดี ๆ พวกนี้จะช่วยสร้างความภาคภูมิใจ ความมั่นใจ และเสริมความเข้มแข็งทางจิตใจได้ดีเยี่ยม

6. ออกไปใช้ชีวิต

ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่สร้างความสุขให้กับตัวเอง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ วาดรูป กินข้าวกับเพื่อน หรือออกกำลังกาย เช่น วิ่ง หรือเข้าฟิตเนสวันละ 30-60 นาที ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้จิตใจแจ่มใส และนอนหลับสบายขึ้นด้วยนะ

7. ทำให้แต่ละวันมีคุณค่า

รีบกลับไปทำหน้าที่หรือกิจกรรมที่เราเคยทำตามปกติให้เร็วที่สุด แม้จะรู้สึกว่าไม่มีอารมณ์ก็ตาม การได้ทำกิจกรรม จะช่วยให้เรามีสติ มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ทำให้เพลิน ๆ และไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องเดิม ๆ

8. มีที่ปรึกษาที่ดี

หาเพื่อนสนิท หรือคนที่ไว้ใจ เพื่อระบายความทุกข์ในใจทั้งหมดออกมา การได้พูดจะช่วยให้เรารู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลย

9. ใจเย็นและอดทน

ทุกอย่างต้องใช้เวลา เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง อาการเศร้าเสียใจจะค่อย ๆ ดีขึ้น และเราจะกลับมามีความสุขได้เหมือนเดิมแน่นอน

10. ห้ามพึ่งเหล้าหรือยาเสพติดเด็ดขาด

เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นอย่างถาวรแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเสพติด ทำให้ปัญหาบานปลายหนักกว่าเดิมอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าการอกหักจะทำให้เจ็บปวดเหมือนหัวใจแตกสลาย โลกพังทลายไปต่อหน้าต่อตา แต่จำไว้ว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียว และความเจ็บปวดทางใจส่งผลถึงร่างกายได้จริง ๆ ถ้าคุณรู้สึกว่าอาการแย่ลงเรื่อย ๆ จนไม่อยากทำอะไรเลย ชีวิตน่าเบื่อ ไม่มีความสุขติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ หรือมีอาการทางกายที่น่าเป็นห่วง เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หรือหอบแรง อย่านิ่งนอนใจเด็ดขาด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ไม่รู้สึกต้องอายหรือกลัว การปรึกษาคุณหมอ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หัวใจ หรือจิตแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม จะช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างปลอดภัยที่สุด หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

อย่ามองข้ามสัญญาณที่ร่างกายเตือน หมั่นดูแลสุขภาพกายและใจของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ความรักพัง ๆ มาทำลายชีวิตอันมีค่าของเราได้ จำไว้ว่า "อกหัก" เป็นเรื่องที่ทุกคนเจอได้ แต่ที่สำคัญคือเราจะลุกขึ้นยืนใหม่ได้เร็วแค่ไหนต่างหาก ดูแลหัวใจตัวเองให้ดีไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเองเท่านั้น เพราะคุณมีค่ามากกว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้

ที่มา: โรงพยาบาลนครธน

กรมสุขภาพจิต

Advertisement

แชร์
เจ็บเจียนตายเพราะเขาไม่รัก “โรคอกหัก” รักษาไม่ทัน อันตรายถึงชีวิต