กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. เร่งจัดสรรทุนเสมอภาครอบแรก ให้นักเรียนยากจนพิเศษ 8 แสนคน ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค. 2568 นี่คือหนึ่งในมาตรการเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงหลุดจากระบบ พร้อมเปิดระบบให้โรงเรียนบันทึกข้อมูลนักเรียนจากครัวเรือนยากจนพิเศษกลุ่มใหม่ตั้งแต่วันนี้ - 21 ก.ค. 2568 เพื่อรับทุนเสมอภาคป้องกันหลุดจากระบบการศึกษาต่อเนื่อง 3 ปีการศึกษา
ที่ผ่านมา กสศ. ร่วมมือกับ 6 หน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษากว่า 30,000 แห่ง เพื่อสำรวจ 2 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ นำมาสู่ระบบฐานข้อมูลชี้เป้า นักเรียนในครัวเรือนยากจนพิเศษจำนวน 1.3 ล้านคน เพื่อบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนส่งต่อโอกาสการศึกษาให้สำเร็จสูงกว่าภาคบังคับ
กสศ. ระบุว่า ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค. 2568 นี้ กสศ.จะจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข หรือทุนเสมอภาค ให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษกลุ่มที่ได้รับทุนต่อเนื่อง (รอบที่ 1) ตั้งแต่ช่วงชั้น นุบาล 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในสถานศึกษามากกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศใน 6 สังกัด จำนวนราว 800,000 คน ด้วยงบประมาณ 1,536 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
2. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.)
3. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.)
4. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
5. สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
6. สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร (กทม.)
สำหรับนักเรียนกลุ่มใหม่ที่โรงเรียนจะคัดกรองเข้ามา กสศ.เปิดระบบให้ครูประจำชั้นที่ดำเนินการเยี่ยมบ้านในช่วงเปิดเทอม 1/2568 สามารถบันทึกข้อมูลแบบขอรับเงินอุดหนุนนักเรียน หรือ นร/กสศ.01 ระหว่างวันที่ 7-21 ก.ค. 2568 ผ่านเว็บไซต์ https://cct.eef.or.th/ หากมีข้อสงสัย คุณครูสามารถสอบถามได้ที่ 02-079-5475 กด 1 หรือแอด Line เพิ่มเพื่อนที่ line @cctthailand โดยนักเรียนกลุ่มใหม่นี้ กสศ. จะประกาศรายชื่อนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรอง วันที่ 21 ส.ค. 2568
สำหรับในช่วงเปิดเทอมทุกปีเป็นฤดูกาลลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของคุณครูประจำชั้นเพื่อสำรวจความเป็นอยู่ของลูกศิษย์ กสศ. ได้เปิดระบบให้คุณครูสามารถกรอกข้อมูลสถานะครัวเรือนของนักเรียนที่คุณครูพบว่าสมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต่อคน/เดือนต่ำกว่าเส้นความยากจนของประเทศ ที่ 3,043 บาท เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ได้รับการพิจารณาสนับสนุนทุนเสมอภาค ซึ่งแทบทุกปีจะมีครัวเรือนมากกว่า 2 ล้านครัวเรือนได้รับการเสนอข้อมูลผ่านระบบเข้ามาให้ กสศ. และหน่วยงานต้นสังกัดทั้ง 6 หน่วยงาน ได้พิจารณาจัดสรรทุนเสมอภาค หากนักเรียนอยู่ในครัวเรือนยากจนหรือยากจนพิเศษ นักเรียนก็จะได้รับการสนับสนุนเงินปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนและทุนเสมอภาค อย่างต่อเนื่อง 3 ปีการศึกษา ในวงเงินตั้งแต่ 1,000-7,200 บาท ต่อปีการศึกษา ตามระดับการศึกษา ระดับความยากจนของครัวเรือน และตามที่ กสศ. และหน่วยงานต้นสังกัดทั้ง 6 สังกัดได้รับการจัดสรรงบประมาณจากทางรัฐบาลมาในแต่ละปี
นอกจากนั้นฐานข้อมูลของนักเรียนยากจนพิเศษทั้ง 1.3 ล้านคน ยังนำมาสู่ระบบการช่วยเหลือนักเรียน ระบบการชี้เป้าและส่งต่อการสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาในระดับสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ จากแหล่งทุนต่างๆ ทั้ง ภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ และประชาชน เช่น กสศ.ส่งข้อมูลนักเรียนทุนเสมอภาคที่ยืนยันสิทธิ์ในระบบ TCAS ให้มหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาส่งเสริมหรือดูแลนักเรียนกลุ่มนี้ได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่อง และรวบรวมแหล่งทุนการศึกษาภายใต้โครงการส่องทางทุน https://findstudentship.eef.or.th/ เพื่อช่วยผลักดันให้นักเรียนยากจนและด้อยโอกาสที่ต้องการศึกษาในระดับสูงกว่าภาคบังคับได้เข้าถึงแหล่งทุนการศึกษากว่า 156 แหล่งทุน และมีทุนการศึกษาจำนวนกว่า 451 ประเภททุนการศึกษา
สำหรับทุนเสมอภาค ของ กสศ. เป็นเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข สำหรับเด็กเยาวชนในครัวเรือนที่มีความยากจนระดับที่รุนแรง ในระดับที่แม้จะมีนโยบายเรียนฟรี แต่ยังมีอุปสรรคทำให้เด็กไม่สามารถมาเรียนได้ เช่น ไม่มีค่าเดินทาง ไม่มีค่าอาหาร ความห่างไกล ทุรกันดาร ขาดแคลนของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์การเรียน กสศ. จึงจัดสรรทุนเสมอภาค เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาในรายการที่นอกเหนือ จากรัฐจัดสรรให้ เช่น ค่าเดินทางไปโรงเรียน ค่าอาหาร โดยนักเรียนผู้รับทุนต้องรักษาอัตราการมาเรียนไม่ให้น้อยกว่าร้อยละ 85 และมีพัฒนาการที่สมวัยตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
ผลลัพธ์ของโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วยป้องกันไม่ให้นักเรียนยากจนพิเศษหลุดออกจากระบบก่อนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ ผ่านอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษา และอัตราการศึกษาต่อในช่วงชั้นรอยต่อของการศึกษา (อ.3, ป.6, ม.3) ล่าสุดในปี 2567 มีนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษจำนวนรวม 1.34 ล้านคน ได้รับเงินอุดหนุนทุนเสมอภาคเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องด้านการศึกษา พบอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษาอยู่ที่ร้อยละ 97.88
นอกจากนี้ กสศ. ยังพัฒนาต้นแบบระบบสารสนเทศเพื่อการคัดกรองความเสี่ยงของนักเรียนที่ครอบคลุมทุกมิติ (OBEC CARE) นำร่องใน 29 เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา จำนวน 1,136 โรงเรียน ใช้ข้อมูลต่อยอดในการส่งเสริมพัฒนาและการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกว่า 280,000 คน และการจัดทำมาตรการป้องกันการเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเตรียมพร้อมขยายทั่วประเทศในปีการศึกษา 2568 นี้
Advertisement