Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
กสม. แนะ ตร. กำกับดูแล ขรก.ให้ระวังการใช้ถ้อยคำ ห่วงกระทบเชื่อมั่น

กสม. แนะ ตร. กำกับดูแล ขรก.ให้ระวังการใช้ถ้อยคำ ห่วงกระทบเชื่อมั่น

27 มิ.ย. 68
16:56 น.
แชร์

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายภาณุวัฒน์ ทองสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 21/2568 โดยมีวาระสำคัญ 3 วาระ ดังนี้

1. กสม. แนะ ตร. กำกับดูแลข้าราชการตำรวจให้ระมัดระวังการใช้ถ้อยคำ หลังมีการเผยแพร่คลิปอดีตนายตำรวจใหญ่บรรยายอวดอ้างการวิสามัญผู้ต้องหายาเสพติด ห่วงกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ระบุว่ามีผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok รายหนึ่งในชื่อ “x_ray_1997 มือปราบขุนดง FC” โพสต์คลิปวิดีโอประกอบเสียงของอดีตนายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง (ผู้ถูกร้อง) ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดขณะบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษาและประชาชนผู้สนใจตามโครงการเยาวชนไทย รู้ทันสิ่งเสพติด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2559 ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยถ้อยคำที่กล่าวเป็นลักษณะคำพูดอวดอ้างตนที่รุนแรงและไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการวิสามัญผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการเผาและแอบยิงทิ้ง ผู้ร้องเห็นว่าคำพูดดังกล่าวมีลักษณะเป็นการอวดอ้างถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจได้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือกระทำการให้บุคคลสูญหายได้โดยมีพนักงานอัยการเป็นผู้ช่วยเหลือ และไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย รวมทั้งเผยแพร่หรือส่งต่อหรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 25 และมาตรา 34 รวมทั้งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 19 รับรองและคุ้มครองว่า บุคคลทุกคนย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายใด ๆ โดยปราศจากการแทรกแซงไว้เป็นหลักสำคัญ แต่การใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวอาจจะถูกจำกัดโดยอาศัยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงของรัฐ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 ขณะที่ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้กล่าวถ้อยคำในระหว่างการบรรยายให้ความรู้ ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอการบรรยายผ่านเว็บไซต์ YouTube และต่อมาได้มีบุคคลอื่นตัดทอนเฉพาะถ้อยคำดังกล่าวมาเผยแพร่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ TikTok เป็นเหตุให้กรณีตามคำร้องนี้ไม่อาจพิจารณาเฉพาะถ้อยคำของผู้ถูกร้องเพียงบางส่วนเท่านั้น ต้องพิจารณาเนื้อหาการบรรยายของผู้ถูกร้องในภาพรวม ซึ่งปรากฏว่ามีเนื้อหาที่สื่อความหมายในลักษณะเชิญชวนให้ผู้ฟังสนใจและรับฟังว่า ผู้ถูกร้องในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกระทำการปราบปรามและวิสามัญฆาตกรรมผู้กระทำความผิดเป็นจำนวนหลายรายนั้น มีมุมมองต่อนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างไร ขณะที่เนื้อหาของถ้อยคำที่กล่าวถึงผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้ถูกร้องได้ใช้คำพูดเชิงอวดอ้างตนเองว่าได้เคยกระทำการวิสามัญฆาตกรรมผู้กระทำความผิดมาแล้วเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการบรรยายในภาพรวมเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อนโยบายของประเทศไทยที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดในขณะนั้นได้

กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกร้องกล่าวถ้อยคำในทำนองว่าได้ทำการสังหารผู้กระทำความผิดกว่า 600-700 ศพ โดยไม่มีความผิด ซึ่งจากสถานะของผู้ถูกร้องขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีจริยธรรมและความประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา การกล่าวถ้อยคำเช่นว่านั้นถือเป็นการไม่เหมาะสม มีความเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาคล้อยตาม และยอมรับการมีอยู่ของการกระทำ รวมถึงอาจกระทำเลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความเกลียดชังต่อผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการกระทำที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลจนเกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ การรักษาวินัยของข้าราชการ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่าผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นผู้ประพฤติชั่ว รวมถึงสร้างความเกลียดชังต่อผู้กระทำความผิด

อย่างไรก็ดี ถ้อยคำของผู้ถูกร้องอันเป็นเหตุตามคำร้องนี้แม้จะส่งผลให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่าผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นผู้ประพฤติชั่ว รวมถึงสร้างความเกลียดชังต่อผู้กระทำความผิด แต่เมื่อพิจารณาประกอบกับเนื้อหาการบรรยายในภาพรวม และบริบทแวดล้อมของถ้อยคำดังกล่าว เป็นการที่ผู้ถูกร้องกล่าวในเชิงอวดอ้างเพื่อให้ผู้ฟังทราบมุมมองของผู้ถูกร้องซึ่งแม้จะเป็นผู้ใช้กำลังปราบปรามผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย แต่ก็ไม่สนับสนุนการปฏิบัติตามนโยบายประกาศสงครามยาเสพติด และสนับสนุนการแก้ไขปัญหาตามแนวทางของประเทศโปรตุเกสและประเทศออสเตรเลียที่คำนึงถึงผู้ใช้ยาเสพติดเป็นศูนย์กลาง อีกทั้งยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การกล่าวถ้อยคำอันเป็นเหตุตามคำร้องได้ส่งผลโดยตรงให้ผู้ฟังเกิดความเกลียดชังจนนำไปสู่การกระทำที่ใช้ความรุนแรงหรือการเลือกปฏิบัติต่อผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงยังไม่ถือว่าถ้อยคำของผู้ถูกร้องเป็นการสื่อสารที่เกิดผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มบุคคลซึ่งเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของกลุ่มบุคคลนั้น จนถึงขนาดที่ทำให้สังคมเกิดอคติ แบ่งแยก ด้อยค่า หรือลดทอนความเป็นมนุษย์อันนำไปสู่การใช้ความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ ในชั้นนี้ จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องได้กระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จากกรณีกล่าวถ้อยคำในการบรรยาย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559

ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาข้างต้นอีก ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีหน้าที่ในการกำกับดูแลด้านการรักษาวินัยของข้าราชการตำรวจ กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะไปยัง ตร. ให้เน้นย้ำและกำชับข้าราชการตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้เป็นวิทยากรระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการบรรยาย เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจและความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

นอกจากนี้ ให้แจ้งหน่วยงานในสังกัดเน้นย้ำและกำชับข้าราชการตำรวจให้รักษาวินัยตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และประพฤติปฏิบัติตามกรอบจรรยาบรรณที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ. 2566 รวมถึงปฏิบัติตนเพื่อรักษาจริยธรรมตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2564 อย่างเคร่งครัด

Advertisement

แชร์
กสม. แนะ ตร. กำกับดูแล ขรก.ให้ระวังการใช้ถ้อยคำ ห่วงกระทบเชื่อมั่น