Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"เฒ่ากอบ" ชายผู้เสียสละ เปลี่ยนชีวิตเด็กชาวมันนิ ให้ได้เรียนหนังสือ

"เฒ่ากอบ" ชายผู้เสียสละ เปลี่ยนชีวิตเด็กชาวมันนิ ให้ได้เรียนหนังสือ

27 มิ.ย. 68
23:45 น.
แชร์

เฒ่ากอบ หรือ ลุงกอบ ไพโรจน์ ดำพลับ ผู้ดูแลกลุ่มชนเผ่ามันนิ ชายที่ยอมเสียสละทั้งเวลาและเงินส่วนตัว ช่วยเหลือมันนิ เด็กป่าในจังหวัดสตูล ให้มีโอกาสได้เรียนได้เข้าถึงการศึกษา

"เหนื่อยมากครับ แต่ไม่อยากจะทิ้ง เพราะต้องการให้เขาได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ถึงไม่มากแต่เพื่อให้ดำรงชีวิตร่วมกับชาวบ้านได้ในวันต่อไป ผมทำอาชีพกรีดยาง วันหนึ่งได้ประมาณ 300-400 บาท มันไม่พอจะส่งพวกเขาไปโรงเรียนทุกวันบางวันผมก็บอกเด็กๆ ว่าวันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนนะ วันนี้ลุงไม่มีค่าน้ำมัน"

ความในใจของ เฒ่ากอบ-ไพโรจน์ ดำพลับ ผู้ดูแลกลุ่มชนเผ่ามันนิ เด็กป่าในจังหวัดสตูล ชายที่ยอมเสียสละทั้งเวลาและเงินส่วนตัว ช่วยให้เด็กๆ ชาวมันนิ ได้เรียนหนังสือ เป็นพื้นฐานความรู้และอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ ซึ่งต้องคอยรับส่งเด็กๆ ไป-กลับโรงเรียนระยะทางรวมกว่า 16 กิโลเมตร เสียค่าน้ำมันวันละ 200 จากเงินที่หาได้จากการกรีดยาง

ชาวมันนิกลุ่มที่ออกมาจากป่า แต่เป็นคนไทยนะ เป็นคนป่าที่อาศัยป่าหาอาหารประจำวัน ในป่าเขาจะไปตามฤดูกาล เลื่อนทับบ่อยๆ ทับคือที่พักพิงที่อยู่อาศัย ก็จะเลื่อนบ่อย เพราะว่าถ้ามีลูกไม้ตรงนี้ เขาก็จะเลื่อนไปตามที่ที่มีลูกไม้ มีสัตว์ป่ามากตรงโน้น เขาก็จะไปอยู่ตรงโน้น ตรงไหนมีอาหารที่สมบูรณ์เขาก็จะเลื่อนไปเรื่อยๆ แต่พอมาช่วงหลังมันหากินยาก ก็เลยมาอยู่เป็นที่

พอมาอยู่เป็นที่อยู่กันเยอะๆ หลายๆ คนก็ไม่มีอะไรจะกิน หากินยาก เขาก็ออกมาจากป่ามาอยู่ระหว่างริมป่าใหญ่กับป่ายางชาวบ้านใกล้ๆ เพื่อพึ่งพาชาวบ้าน ผมเป็นคนต้นทาง เขาก็มาหาผมเป็นจุดแรก ขอกล้วย ขอหัวมัน ขอข้าวสารอยู่บ่อยๆ อยู่ไปนานๆ ก็เหมือนเป็นพี่น้องภายในบ้าน

แต่ก่อนพึ่งพากันไม่เยอะ เพราะในป่ามันพอหากินได้ พอช่วง 3-4 ปีให้หลังป่าหากินยาก เขาก็มาพึ่งพาตลอด พอไม่มีข้าวสารจะกิน ไม่มีอะไรกิน ก็มาหา เขาเรียกผมว่าเฒ่ากอบ พูดเหมือนเด็กไร้เดียงสาว่ามีข้าวสารให้กินไหมเฒ่ากอบ บางครั้งผมก็มีหัวมันให้กิน บางครั้งก็ไปเซ็นข้าวสารมาให้

ทุกเรื่อง มันนิต้องพึ่งลุงกอบ

มีอะไรเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาหาผม แรกๆ ก็ช่วยไปก่อน พออยู่ๆ ไปก็ช่วยตลอด เขามาหาเราอยู่ตลอด จะเกิด จะเจ็บไข้ได้ป่วย จะทำอะไรก็มาหาเรา พวกเขาไม่มีเงินหรอก แต่เรามีน้ำใจ ไม่มีเงินก็ไปหยิบยืม เติมน้ำมันพาเขาไปหาหมอ โชคดีที่หมออนามัยเขาไม่เอาเงิน เราก็ช่วยเขาเท่าที่จะช่วยได้

ผลักดันมันนิเข้าโรงเรียน เรียน...เพื่ออนาคต

มาหลังๆ ผมเห็นว่าเด็กนักเรียนพวกนี้ น่าจะได้รับการศึกษานะ ก็คุยกับ ผอ.โรงเรียน คุยกับนายอำเภอให้เด็กพวกนี้ได้เรียน 2 ปีที่พยายามให้พวกนี้ได้เรียนหนังสือ แต่การเรียนหนังสือมันก็มาหนักอยู่ที่ผม เพราะว่าผมเป็นคนไม่ค่อยมีเงิน มีบ้างได้ให้เด็กไปโรงเรียนบางวัน โรงเรียนเองก็อยู่ไกลมาก ประมาณ 8 กิโลเมตร ไปกลับก็ 16 กิโลเมตร เป็นค่าน้ำมันก็ประมาณวันละ 200 บาท แล้วเวลาครูต้องการให้นักเรียนทำอะไร เช่น ไปทัศนศึกษาหรือไปเที่ยว ซื้ออะไร ก็ลงเป็นผมหมด ผมก็เลยขอความช่วยเหลือจากทุกๆ คนที่พอจะช่วยได้ จากทางรัฐบาลเคยขอแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ ไม่เคยมีใครเข้ามาช่วยเหลือ ผมไม่ได้โจมตีแต่บอกจริงๆ ว่า ปีกว่าแล้วไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเลย ตอนนี้คิดว่ามันไปต่อไม่ไหวแล้ว ถึงได้ขอความช่วยเหลือ

ภารกิจใหญ่คือคอยรับ-ส่ง นักเรียนมันนิ

ทุกวันครับ ไปไหนไม่ได้เลย จะไปงานหรือไปไหน ไปไม่ได้เลยต้องรอรับเด็ก ความต้องการคือให้เด็กมันได้เรียน ไหนๆ มันต้องการจะเรียน ก็ให้มันได้ไปโรงเรียนทุกวัน ผมต้องการให้เขาได้เรียน ได้มีความรู้ ได้เข้าร่วมกับชุมชน มีงานทำ ได้ทำอะไรร่วมกับชาวบ้านกับประชาชนคนทั่วไปบ้าง แต่พอเขาเข้าไปโรงเรียนแล้ว ส่วนประกอบทำให้เขาอยากจะเรียน หนึ่งปัญหาที่เขาอยากจะเรียน เขามีอาหารกินที่โรงเรียน สองเขามีความกล้ากับเพื่อน ได้มีเพื่อนที่โรงเรียนที่เข้ากันได้ ทำให้เขาอยากจะเรียน

ผมมีอาชีพกรีดยาง ได้วันหนึ่งก็ประมาณ 300-400 บาท มันไม่พอจะส่งเด็กไปเรียนเรียนทุกวัน บางวันผมก็ต้องบอกเด็กๆ ว่า พวกมึงไม่ต้องไปโรงเรียนนะ วันนี้ลุงกอบไม่มีค่าน้ำมันรถ คือให้เขาเรียนบ้าง ไม่ได้เรียนบ้าง เพราะว่าผมไม่มีค่าน้ำมัน เราไม่ได้บริหารแค่เด็กอย่างเดียว พ่อแม่เจ็บไข้ได้ป่วย คลอดลูกหรือทำอะไร มันอยู่ที่เราทั้งหมด

ตอนนี้มันเป็นความผูกพันครับ ผูกพันต่อเนื่องมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ช่วยก็เป็นเพราะเราไม่มีเงินจริงๆ เราหมดปัญญาแล้ว เด็กๆ พวกนี้เขาก็เคยถามผมนะว่าถ้าลุงกอบเป็นอะไร เราจะอยู่กับใคร ผมก็บอกให้เขาฟังว่า ต้องการให้พวกมึงได้เรียนเพื่อจะได้มีชีวิตดำรงชีวิตต่อไป ได้หากินได้อยู่ รู้จักกับคนต่อไป มันเหนื่อยมากครับแต่ว่าไม่อยากจะทิ้ง เพราะว่าต้องการให้เขาได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ขึ้นสักนิด ถึงไม่มากก็ให้ได้ดำรงชีวิตร่วมกับชาวบ้านได้ในวันต่อๆ ไป

ติดตามเรื่องราวของลุงกอบได้ที่นี่

สำหรับชาวมันนิจะเรียกตัวเองว่า มานิ หรือ มันนิ และพึงพอใจให้คนอื่นเรียกตนเองเช่นนั้น ชื่อเรียกนี้มักพบในเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่จังหวัดตรัง พัทลุง สงขลา และสตูล เป็นชื่อเรียกผู้คนกลุ่มนิกริโต (the Negritos) ซึ่งถูกจำแนกทางชาติพันธุ์ว่าเป็นกลุ่มย่อยของนิกรอยด์ (Negroid) อาศัยกระจายอยู่บริเวณคาบสมุทรมลายูในภาคใต้ของประเทศไทย มีหลายข้อสันนิษฐานถึงการมีอยู่ของพวกเขาในดินแดนนี้ โดยหลักฐานทางโบราณคดีค้นพบความเชื่อมโยงของถิ่นที่อยู่ในยุคซุนดาแลนที่ผืนแผ่นดินภาคใต้และหมู่เกาะยังเชื่อมต่อกันก่อนถูกตัดขาดกลายเป็นเกาะแก่งในปัจจุบัน หลักฐานทางโบราณคดี และโครงกระดูกในถ้ำบริเวณเหนือคลองตง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ประเมินอายุได้ประมาณ 12,000 ปี ชี้ชัดว่ามีลักษณะตรงกับชาวมันนิที่อาศัยอยู่บริเวณภาคใต้ของไทย มีข้อสันนิษฐานว่าพวกเขาอยู่ในแถบนี้มาเนิ่นนานก่อนที่การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์จะแยกพื้นที่ออกจากกันทำให้คนกลุ่มนี้กระจายออกไปทั้งในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ขณะที่นักวิชาการบางสายสันนิษฐานว่าพวกเขาได้เข้ามาในแหลมมาลายูโดยการอพยพมาจากถิ่นมีอื่น ในสองเส้นทาง คือ เส้นทางแรก อพยพมาจากประเทศอินโดนีเซียผ่านมาเลเซียมายังภาคใต้ของไทย ส่วนเส้นทางที่สอง อพยพมาจากประเทศจีน อินเดีย และศรีลังกา ก่อนเข้าสู่ภาคใต้ของไทย

ทั้งนี้ ในประเทศไทยพบว่า มีสองกลุ่มใหญ่ คือ มันนิและโอรังอัสลี (กันซิวและจาไฮ) โดยมีการกระจายตัวของกลุ่มมันนิบริเวณเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ พัทลุง ตรัง สงขลา และสตูล จำนวน 13 กลุ่ม กลุ่มมันนิ (โอรังอัสลี) พบกระจายตัวในจังหวัดยะลาและจังหวัดนราธิวาส จำนวน 15 กลุ่ม

มันนิ ในเทือกเขาบรรทัด และโอรังอัสลี ในเทือกเขาสันกาลาคีรี มีการดำรงชีพแบบหาของป่าล่าสัตว์ เคลื่อนย้ายไปตามแหล่งอาหาร ผสมผสานกับการตั้งถิ่นฐานถาวรในบางกลุ่ม การดำรงอยู่ของพวกเขาสัมพันธ์กับความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีวิถีปฏิบัติที่เคารพธรรมชาติ เรียบง่าย ขณะที่สังคมโดยรวมยังคงมองชาวมันนิ - โอรังอัสรี ในเชิงอคติและติดกับดักตามพระราชนิพนธ์เรื่องเงาะป่าอยู่เสมอ

ที่มา : มานิ - ชาติพันธุ์ในประเทศไทย - SAC ETHNIC

Advertisement

แชร์
"เฒ่ากอบ" ชายผู้เสียสละ เปลี่ยนชีวิตเด็กชาวมันนิ ให้ได้เรียนหนังสือ