วันนี้ (24 มิ.ย. 68) ที่ไร่มันสำปะหลังของนางทองยุ่น แสดใหม่ อายุ 67 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยนางทองยุ่นฯ ได้ใช้เงินกว่า 200,000 บาท ลงทุนปลูกมันสำปะหลังไว้ทั้งหมดกว่า 150 ไร่ กำลังอยู่ในช่วงเพาะปลูก ซึ่งจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน ปีหน้า
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคามันสำปะหลังปัจจุบัน อ้างอิงจากสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2568 พบว่า ราคามันสำปะหลังที่รับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่จังวัดนครราชสีมา อยู่ที่กิโลกรัมละ 1.80 – 2.15 สตางค์ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่า ราคามันสำปะหลังนั้นตกลงอย่างมาก
โดยในปี 2567 นั้น ราคามันสำปะหลังในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่กิโลกรัมละ 2.50 – 3.25 สตางค์ และนอกจากราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำแล้ว เกษตรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนการเพาะปลูกที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย และยาฆ่าแมลง จึงทำให้เกษตรกรหวั่นใจเกรงว่า จะส่อแววขาดทุน หากสถานการณ์ราคามันสำปะหลังยังเป็นอยู่อย่างนี้
โดยนางทองยุ่น กล่าวอีกว่า พื้นที่เพาะปลูกกว่า 150 ไร่ เป็นพื้นที่ที่ตนเช่ามาในราคาไร่ละ 1,500 – 2,000 บาท ราคาขึ้นอยู่กับผู้ให้เช่า ซึ่งตอนนี้ก็ประสบปัญหาต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังที่สูงขึ้นทั้งราคาปุ๋ย ,ค่ายาฆ่าแมลง และค่าแรงงาน แต่ตนก็ต้องจำใจปลูกต่อไป เนื่องจากเป็นอาชีพที่ตนทำมาตลอดและไม่รู้ว่าจะหันไปปลูกพืชชนิดไหนดี จึงอยากให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ด้วยการเข้ามาดูแลเรื่องราคาปุ๋ยและปรับราคารับซื้อให้สูงขึ้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาท ถึงจะทำให้เกษตรกรอยู่รอดได้
ในขณะเดียวกัน นายสมชาย ศรีตระกูล เจ้าของลานมัน โรงงานสหชัยพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ลานมันหลายแห่งต้องหยุดชะงักปิดลานชั่วคราว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเพาะปลูก หัวมันของเกษตรกรยังไม่โตเต็มที่จนได้เปอร์เซ็นต์แป้ง จะต้องรอไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปีราวเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนเมษายน เกษตรกรจึงจะขุดหัวมันมาส่งขายให้โรงงานได้ ทางโรงงานจึงจะเปิดรับซื้อหัวมันฯ อีกครั้ง แต่โรงมัน โรงแป้งขนาดใหญ่ ที่ทำสัญญา MOU เอาไว้ รับออร์เดอร์มาแล้ว จำเป็นต้องใช้หัวมันฯ มาผลิต กลับไม่มีวัตถุดิบหัวมันฯ ในช่วงนี้
ซ้ำทางกรมการค้าต่างประเทศยังได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชาอีก และมีมาตรการควบคุมการขนย้ายมันสำปะหลังสดและมันเส้น โดยห้ามขนย้ายสินค้าดังกล่าวในปริมาณตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไป เข้าหรือออกจากพื้นที่ควบคุม 60 อำเภอใน 16 จังหวัด เว้นแต่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงทำให้โรงมันฯ โรงแป้งขนาดใหญ่ เริ่มได้รับผลกระทบ ไม่สามารถรับซื้อมันฯ นำเข้าจากกัมพูชาในปริมาณมากได้ เพราะแม้ในระยะสั้นจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ในระยะยาวหากไทยไม่มีการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชา ก็จะทำให้กัมพูชาส่งมันไปขายที่ประเทศเวียดนามแทน ก็จะเหมือนไปส่งเสริมเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งของไทยให้ได้เปรียบมากขึ้น จะไม่เป็นผลดีกับการส่งออกไทยได้ จึงต้องจับตารอดูการเจรจาระหว่างรัฐบาลว่าจะออกมาในรูปแบบไหน.
Advertisement