เทคนิคการเลือกซื้อและติดตั้งแอร์ให้เย็นฉ่ำ แถมประหยัดเงินในกระเป๋า

20 มิ.ย. 68

15:30 น.

แชร์

รวมเทคนิคการเลือกซื้อและติดตั้งแอร์เพื่อความเย็นฉ่ำ แถมยังประหยัดเงินในกระเป๋า ?

หากใครกำลังมองหาเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์เอามาไว้ติดตั้งภายในที่อยู่อาศัย บ้าน หรืออาคารสำนักงานแล้ว ก็คงมีคำถามในใจว่า เราควรจะเลือกซื้อแอร์แบบไหนให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ามากที่สุด และที่สำคัญประหยัดเงินในกระเป๋า วันนี้เรามีสูตรคำนวณ BTU ของเครื่องปรับอากาศมาให้แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฝนตกฉ่ำ หน้าร้อนไม่หนักเท่าปีก่อน กระทบยอดขายแอร์ ร่วง 12.5%

TCL ปลุกกระแสเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศ เปิดตัว TCL FreshIN 3.0 Series

ดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์ในยุคฝุ่น PM2.5

BTU แอร์ คืออะไร ?

BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit เป็นหน่วยวัดพลังงานความร้อนตามมาตรฐานสากล เมื่อนำมาใช้กับแอร์ BTU จะหมายถึง ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องนั้นๆ ภายในเวลา 1 ชั่วโมง เช่น แอร์ขนาด 20,000 BTU หมายถึงแอร์เครื่องนี้ สามารถไล่ความร้อนออกจากห้องได้ 20,000 BTU ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งความสามารถในการไล่ความร้อนแล้วแทนที่ด้วยความเย็นก็จะสูงขึ้นไปตามขนาดของ BTU นั่นเอง

เลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง ?

พิจารณาจากค่า BTU มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประหยัดพลังงาน คนส่วนใหญ่มักเลือกซื้อแอร์ขนาดใหญ่ เพื่อให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นการตัดสินใจไม่ที่ถูกต้อง เพราะการใช้แอร์ที่มี BTU สูงเกินความจำเป็นกับขนาดห้อง จะทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดน้อยลง และทำให้ภายในห้องมีความชื้นสูง ส่งผลให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่สบายตัว รวมถึงมีราคาแพงเกินความจำเป็น แต่หากเลือกแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไป การทำความเย็นจะช้าลง ไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ รวมถึงคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักจนเกินไป ทำให้แอร์เสียเร็ว และต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น

เลือกแอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง จะทำให้ประหยัดไฟ ?

สังเกตจากฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประหยัดไฟยิ่งกว่าเดิม เมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีฉลากเบอร์ 5 ยิ่งดาวมากยิ่งประหยัดไฟมาก พร้อมทั้งดูแลอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ

เลือกตำแหน่งติดตั้งแอร์และคอมเพรสเซอร์ ?

หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอร์ในทิศตะวันตก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะโดนแสงแดดส่องในช่วงบ่ายทำให้ความร้อนสูง แอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น เช่นเดียวกับการติดตั้งคอมเพรสเซอร์ให้หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นพื้นปูน ดาดฟ้า มุมอับที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท หรือได้รับแสงแดดโดยตรง เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์เป็นอุปกรณ์ระบายความร้อนจึงควรอยู่ในที่ร่ม และยกสูงเหนือพื้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้นและประหยัดพลังงาน

อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้แอร์เย็นเร็วขึ้น นั่นก็คือ การเปิดพัดลมช่วยไล่ความร้อนภายในห้องก่อนเปิดแอร์ โดยเพิ่มอุณหภูมิแอร์ไปที่ 26-27 องศาเซลเซียส จะช่วยลดอุณหภูมิลงได้ 2 องศา แต่ประหยัดไฟมากกว่าการเปิดแอร์ที่ 23-24 องศาเซลเซียส ช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10%

ระยะเวลาการล้างแอร์ ?

เมื่อแอร์ผ่านการใช้งานไปนานๆ แม้เปิดในอุณหภูมิที่ต่ำแล้ว แต่ผู้ใช้งานยังไม่รู้สึกเย็น เพราะภายในแอร์มีฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น การล้างแอร์ทุก 6 เดือน จึงทำให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปล่อยลมเย็นได้เหมือนเดิม ประหยัดค่าไฟได้มากถึง 10%