จับตาสถานการณ์ความตึงเครียด การตอบโต้ไทย-กัมพูชาที่ต่างประกาศกร้าวคุมเข้มมาตรการห้ามนำเข้า ส่งออกผักผลไม้จุดผ่านแดนจันทบุรี เป็นวันที่5พบแรงงานแฝงลดลง
สถานการณ์การตอบโต้ระหว่างไทยและกัมพูชา เรื่องมาตรการห้ามนำเข้า–ส่งออกผักและผลไม้ ยังคงดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่น่าจับตาโดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนด้าน จ.จันทบุรี ทั้ง 2 แห่ง ทั้งจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม และจุดผ่านแดนบ้านผักกาด ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของการ ขนส่ง ค้าขาย สินค้าภาคเกษตรระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียด
พื้นที่ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านโอคอม ต.สตึงไกร อ.ศาลากราว จ.ไพลิน ประเทศกัมพูชา ซึ่งด่านผักกาด ถือเป็นด่านที่สองรองจากบ้านแหลม ในการใช้ส่งออกสินค้าด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ พบว่าเมื่อเวลา 08.00 น. ฝั่งไทยเปิดประตูด่านตามปกติ และฝั่งกัมพูชาเปิดในเวลา 09.00 น. โดยยังไม่มีสัญญาณของการปิดกั้นหรือห้ามสินค้าจากไทยเข้าไปในฝั่งกัมพูชาเพิ่มเติม นอกเหนือจากผัก และผลไม้
ทั้งนี้ พบว่าประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งและเจ้าหน้าที่ด่าน ต่างยังคงจับตาท่าทีของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าสินค้าที่ตกค้างจะได้รับอนุญาตให้ขนผ่านด่านได้อย่างสะดวกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการค้าขาย ณ จุดผ่านแดนผักกาด ยังดำเนินไปได้ในกรอบเวลาของมาตรการเปิด–ปิดใหม่ที่ฝั่งไทยกำหนดไว้ระหว่างเวลา 08.00–16.00 น. จากการสังเกตการณ์พบรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนกัมพูชา สามารถสัญจรข้ามเข้ามายังฝั่งไทยได้ ซึ่งส่วนใหญ่ระบุว่าเข้ามารับสินค้าอุปโภคบริโภค กลับไปยังประเทศต้นทาง ขณะเดียวกันยังมีรถบรรทุกไทยจำนวนหนึ่งที่ตกค้างจากหลายวันที่ผ่านมา
สัญจรออกมาด้วย โดยคนขับรถส่วนใหญ่ บอกว่าการลงสินค้าฝั่งกัมพูชาในช่วงบ่ายมักเสร็จสิ้นหลังเวลา 14.00 น. ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับฝั่งไทยได้ทันตามเวลาปิดด่าน จึงเลือกจอดพักค้างคืนในฝั่งกัมพูชานายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) พนักงานขับรถเทรนเลอร์บรรทุกสินค้า เปิดเผยว่า ตนนำรถเข้าไปรับหินอ่อนจากฝั่งกัมพูชา แม้สถานการณ์ในภาพรวมจะมีความตึงเครียดจากข้อพิพาทเรื่องเวลาการเปิด–ปิดด่าน แต่เชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้าย
แต่ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องเวลาปิดด่านช่วง 16.00 น. ที่อาจทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับได้ทัน ขณะที่การเดินทางเข้าออกของแรงงานโดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษและกาสิโน ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดลงจากปกติ โดยเป็นผลจากมาตรการจำกัดนักท่องเที่ยวเข้าเล่นพนันในกัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อจำนวนการเดินทางของแรงงานแฝง แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยังคงดำเนินการคัดกรอง และควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางข้ามแดนเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ
Advertisement