ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณี น.ส.ชฎาภรณ์ (สงวนนามสกุล)อายุ 31 ปี ตกเป็นเหยื่อของ น.ส.เหมียว (นามสมมติ) หญิงสาววัย 30 ปีเศษ ที่แอบได้เสียอยู่กินกับนายจักรพันธ์ (สงวนนามสกุล) สามีของ น.ส.ชฎาภรณ์ มานานร่วม 3 ปี
โดย น.ส.เหมียว แสดงตนเป็นเมียน้อย ทวงสิทธิ์ต่างๆ และส่งข้อความทางไลน์ด่าทอบีบบังคับให้ น.ส.ชฎาภรณ์หย่ากับสามี เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในตัวนายจักรพันธ์หลายๆ อย่าง
ก่อนหน้านี้ได้มีการนัดหมายให้ น.ส.ชฎาภรณ์ ซึ่งเป็นเมียหลวงไปเซ็นใบหย่า แต่เมื่อบิดามารดาของฝ่ายหญิงติดต่อผู้สื่อข่าวให้มาทำข่าวฝ่ายเมียน้อยกลับไม่ปรากฏตัวในห้องทะเบียน และหลบหนีไป กระทั่งฝ่าย น.ส.เหมียว เมียน้อยได้ส่งข้อความทางไลน์มายังเมียหลวงอีกครั้ง โดยแจ้งว่าจะเดินทางจาก จ.สระบุรีมายังที่ว่าการอำเภอกบินทร์บุรีในวันนี้ เพื่อให้นายจักรพันธ์ และ น.ส.ชฎาภรณ์หย่าขาดจากกันใน
ขณะเดียวกัน น.ส.ชฎาภรณ์ได้พาลูกสาววัย 3 เดือน ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี ระหว่างนั้นมีพ่อแม่ และพ่อปู่แม่ย่าเดินทางมา เพื่อที่จะพูดคุยกับนายจักรพันธ์ด้วย
นายสมสวรรค์ (สงวนนามสกุล) บิดาของฝ่ายชายเมื่อทราบว่า ลูกชายตั้งใจจะเดินทางไปหย่ากับลูกสะใภ้ ด้วยความรักและห่วงใยที่มีต่อทั้งลูกชายลูกสะใภ้ และหลานน้อย ทั้ง 3 คน จึงได้พยายามพูดคุยขอร้องให้ลูกชายสำนึกผิดกลับไปอยู่กับภรรยาและลูกที่บ้าน พ่อตาแม่ยายและภรรยาก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่นายจักรพันธ์ยังคงยืนกรานไม่กลับ โดยอ้างว่าต้องการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางของมัน ด้วยความโมโหและเสียใจ นายสมสวรรค์จึงตัดสินใจถอดรองเท้าแตะตบหน้านายจักรพันธ์ พร้อมทั้งร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดใจตามคลิปที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค. 68 น.ส.ชฎาภรณ์ เปิดใจว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ฝ่ายหญิงได้ส่งข้อความเยาะเย้ยมาอีกครั้ง และจากนี้ไป ตนเองจะมุ่งมั่นเลี้ยงดูบุตรทั้ง 3 คนให้ดีที่สุด โดยมีปู่ย่าคอยช่วยเหลือดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการคืนดีกับสามีนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้คิดอะไร และไม่ทราบว่าสามีจะตัดสินใจอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยทำผิดต่อสามีแม้แต่น้อย และอยากให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกยุ่งเกี่ยววุ่นวายกับชีวิตของตนเองเสียที
ด้านนายสมสวรรค์ บิดาของนายจักรพันธ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้เข้าไปพูดคุย และขอร้องให้ลูกชายกลับมาอยู่กับภรรยาและลูกหลายครั้ง แต่ลูกชายกลับตอบว่า "ถ้าเอาหนูกลับไป หนูก็หนีไปอีกอยู่ดี ปล่อยหนูไปดีกว่าพ่อ" ด้วยความโมโหที่ลูกชายไม่เชื่อฟัง ทั้งรักและเป็นห่วงลูกมาก เลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยลงโทษด้วยการตีแม้แต่ครั้งเดียว เพิ่งจะใช้รองเท้าตบลูกชายเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกเสียใจมาก และขอโทษลูกชาย รวมถึงขอโทษสังคมที่แสดงความรุนแรงกับลูก อยากให้ลูกชายได้คิด และกลับมาใช้ชีวิตคู่กับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เคยใช้ชีวิตที่ยากลำบากยากจนร่วมกันมา ทุกคนในครอบครัวไ ม่ว่าจะเป็นพ่อตาแม่ยาย รวมถึงตนเองภรรยาและญาติพี่น้องทุกคนก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ แต่ไม่รู้ว่าลูกชายจะคิดได้หรือไม่
นางสุทิน มารดาของ น.ส.ชฎาภรณ์ กล่าวว่า สงสารลูกสาวเป็นอย่างมาก เกรงว่าลูกสาวจะคิดมาก จนอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากถูกหญิงฝ่ายนั้นส่งข้อความมาหาอยู่เรื่อยๆ หญิงคนดังกล่าวเคยมาที่บ้านของตนเองแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อตามหานายจักรพันธ์ อยากจะขอร้องให้ผู้หญิงคนนั้นหยุดส่งข้อความมารบกวนลูกสาวตนเองเสียทีขอให้ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า
Advertisement