จากกรณีที่มีหญิงสาวรายหนึ่ง โพสต์ในทำนองที่จะไปกระโดดสะพานภูมิพล จนทำให้ชาวเน็ตออกมาคอมเมนต์ให้กำลังใจ และแสดงความห่วงใย รวมถึงแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปจำนวนมาก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร มูลนิธิร่วมกตัญญูหลายนาย พอเห็นโพสต์ดังกล่าวต่างระดมกำลังกันออกตามหา แต่ก็ยังไม่พบ
จนกระทั่งมีการคอมเมนต์ระบุว่าพบตัวแล้ว ซึ่งคนที่มาระบุคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปพบตัวหญิงสาวคนดังกล่าว หลังจากที่ระบุการพบตัว ทำให้หลายคนคลายความกังวลกับเรื่องราวดังกล่าว เนื่องจากทราบว่ามีการพาลูกเล็กไปด้วย เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
เหตุการณ์เกิดเวลาประมาณ 23.30 น.วันที่ 6 พ.ค.68
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค. 68 จ.ส.ต.สุพศิน บุญวงค์ หรือ น้องเจม ผบ.หมู่(ป) สภ.บางพลี ปฏิบัติหน้าที่จราจรทางด่วนกาญจนาภิเษกบางพลี-สุขสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเจอ และช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าวพร้อมกับลูกชายเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
จ.ส.ต.สุพศิน เล่าว่า เราว่าตนเองกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจจราจร และป้องกันเหตุบนทางด่วนกาญจนาที่ตนเองรับผิดชอบอยู่ ระหว่างนั้นมาจอดพัก และเปิดสัญญาณไฟวับวาบอยู่ จังหวะที่เปิดดูโทรศัพท์พอดี จึงเห็นการแชร์โพสต์ของหญิงสาวรายหนึ่งในทำนองจะพาลูกน้อยไปกระโดดสะพานภูมิพล พร้อมกับลงรูปที่ถ่ายจากด้านล่างโดยเห็นสะพานภูมิพล
ตนเองด้วยความเป็นห่วง จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจจราจรทางด่วนออกตามหาบนสะพานภูมิพล ซึ่งเป็นนอกเขตความรับผิดชอบ พอขับไปถึงช่วงกลางสะพานภูมิพล 2 ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเขตนครบาลกับสมุทรปราการ ตอนนั้นที่ตนเองขับรถไปถึงเป็นฝั่งตรงข้าม และหันไปเหตุหญิงคนดังกล่าวจอดรถจักรยานยนต์อยู่ฝั่งตรงข้าม หากจะวนรถกลับมาก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์ จึงตัดสินใจจอดรถ และวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพื่อเข้าช่วยเหลือ พอข้ามไปถึงก็สอบถามเจ้าตัวถึงชื่อเสียงเรียงนาม
เจ้าตัวยืนยันว่าใช่คนเดียวกันที่มีการแชร์จำนวนมาก จึงพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้เจ้าตัวระบายความในใจออกมา ซึ่งเขาบอกว่าถูกแฟนทิ้ง เพิ่งเลิกกับแฟน ตนเองจึงพูดจาเกลี้ยกล่อมอย่างระมัดระวัง ไม่เพิ่มความกดดันให้กับหญิงคนดังกล่าว จนกระทั่งเขาใจเย็นลง และยอมพูดคุยด้วย
จากการสอบถามเจ้าตัวขี่รถจักรยานยนต์มาจากย่านเทพารักษ์ มาพร้อมกับลูกชายอายุประมาณ 3 ขวบ ซึ่งเจ้าตัวพูดไปก็ร้องไห้ไปตลอดเวลา จึงตัดสินใจอุ้มเด็กออกมาไว้ และพูดจาล่วงเวลา เพื่อรอให้ทางญาติมาถึงที่เกิดเหตุ ในระหว่างนั้นตนเองได้ขอถ่ายรูป เพื่อลงคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าว จนมีทางครอบครัวติดต่อกลับมา และกำลังรีบเดินทางมาหา จนญาติเดินทางมาถึงก็รับตัวกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่า ตนเองได้ช่วยชีวิตได้ถึงสองชีวิต ทั้งนี้ตนเองยังปลอบใจน้องในฐานะของคนที่เป็นพ่อคน ขอให้ตั้งสติ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเก่า ทั้งนี้ต้องขอบคุณพลังโซเชียลที่ร่วมกันแชร์โพสต์ดังกล่าวจนเด้งขึ้นหน้าฟีตของตนเอง และตัดสินใจไปช่วยเหลือได้ทันเวลา
Advertisement