กทม. พาสื่อมวลชน เข้าดูการรื้อถอนซากอาคาร สตง. คืบหน้าไปแล้วกว่า 90%
กทม. พาสื่อมวลชน เข้าดูภารกิจการรื้อถอนซากอาคาร สตง. คืบหน้าไปแล้วกว่า 90% คาดใช้เวลาอีก 3-4 วัน จะเคลียร์พื้นที่เสร็จ ก่อนส่งมอบพื้นที่คืน สตง.
(6 พ.ค. 2568) กรุงเทพมหานคร พาคณะสื่อมวลชนจำนวนมาก ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าภารกิจการรื้อถอนเศษซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เกิดการพังถล่มตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยทุกคนจะต้องลงทะเบียนรายบุคคล และต้อมสวมหมวกนิรภัยทุกคน เนื่องจากด้านในยังคงเป็นพื้นที่การเก็บกู้ซากอาคาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเดินเข้าไป จนท. จะให้ขึ้นไปยังอาคารด้านข้างไปยังชั้น 5 เพื่อให้เก็บภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ตอนนี้เก็บกู้ไปแล้วกว่า 90% ในระยะเวลากว่า 1 เดือน ซึ่งตอนนี้เคลีรย์ชั้นใต้ดินหมดแล้ว และคาดว่าจะสามารถส่งคืนพื้นที่ให้ สตง. ได้ภายใน 3-4 วันหลังจากนี้
สำหรับการเข้าติดตามการรื้อถอนซากอาคาร สตง. มี นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ได้อธิบายถึงการเข้าพื้นที่ ซึ่งบริเวณจุดแรกคือชั้น 3 ซึ่งเป็นจุดเชื่อมหลักกับอาคาร 30 ชั้น ที่พังถล่มลงมา โดยพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพแวดล้อมโดยรอบพบว่าเป็นห้องโถงขนาดใหญ่หรือลานเอนกประสงค์ มีสภาพสมบูรณ์ เหลือแค่ตกแต่งภายใน โดยจุดนี้เจ้าหน้าที่ได้อธิบายเกี่ยวกับการแบ่งโซนค้นหาแต่ละจุดจํานวน 4 โซน พร้อมเปิดแผนผังภายในอาคาร บอกถึงลักษณะการวิ่งหนีของคนงานในวันที่เกิดเหตุที่ลงมาตามบันไดหนีไฟ ที่เชื่อมกับอาคารจอดรถ และเป็นจุดที่พบผู้เสียชีวิตเป็นจํานวนมาก
นอกจากนี้ ยังพบจุดที่ ดีเอสไอ ได้เข้ามาเจาะคอริ่งปูนบริเวณผนังลิฟต์ เพื่อนำไปตรวจสอบ จากการสังเกต จะเห็นว่า เจาะเป็นรูเรียงกัน ตามผนังต่างๆ และยังมีโครงสร้างสร้างเหล็ก เสา 2 คู่หน้าที่หักตามคลิปวันเกิดเหตุ
รวมถึงซากโครงสร้างด้านหลังอาคาคที่ติดกับอาคารจาดรถอีกด้วย (ที่พ่นสีว่า ST) เพราะบางส่วนได้หักถล่มลงมาทำให้เห็นโครงสร้าง
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้พาสื่อลงไปยังชั้นใต้ดินของอาคารจอดรถ ซึ่งมีความลึกประมาณ 4 เมตร จากชั้น 1 เมื่อลงไปก็พบกองซากคอนกรีตขนาดใหญ่ของอาคารที่พังถล่มทับพื้นด้านล่าง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นของ โซน B เป็นจุดสุดท้ายที่อยู่ระหว่างเร่งเคลียร์พื้นที่ จะเห็นว่าซากเครนของคนงานที่อยู่บนยอดอาคาร 30 ชั้น ยังคงอยู่ ทำให้เห็นว่า สิ่งก่อสร้างที่อยู่ด้านบนตกลงมาเป็นแนวดิ่งในโซนเดิม นอกจากนี้ยังพบของใช้บางส่วนของแรงงาน เช่น หมอน เศษเสื้อผ้า รวมถึง เครื่องเซ่นที่ญาตินำมาวางไว้ตามความเชื่ออีกด้วย
สําหรับซากคอนกรีตชั้นใต้ดินมีแผ่นคอนกรีตทับกัน 8 ชั้น แบบแน่นหนา ไม่มีช่องให้เจ้าหน้าที่ทําการค้นหาทั้งบุคคล หรือการส่งเครื่องมือ อุปกรณ์รวม สุนัข K-9 เข้าไปได้ และเชื่อว่ายังมีผู้ติดค้างอยู่ เจ้าหน้าที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน จะสามารถเคลียร์พื้นที่ได้
ส่วนบริเวณชั้น 4 ของอาคารจอดรถ เป็นที่วางตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการทำงานโซนออฟฟิศจำนวนกว่า 10 ตู้ มีป้ายเขียนแปะด้านหน้าว่า "ออฟฟิศสนาม บริษัท ก้าวพีเค จำกัด" และยังคงมีรองเท้าของคนงานถอดวางอยู่ ตลอดจนป้ายด้านข้าง มีรูปคนงาน และรายละเอียด safety board กรณีหากเกิดเหตุไฟไหม้ และเกิดอุบัติเหตุด้วย รวมถึงห้องผู้จัดการโครงการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล้อปเมนต์ ห้องเจ้าของโครงการ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้พาไปอีกจุดบริเวณชั้น 5 ของอาคารจอดรถ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดเพื่อให้เห็นภาพรวม พร้อมอธิบายว่า จุดที่รถแบคโฮทํางานอยู่นั้น เป็นชั้นใต้ดินของอาคาร 30 ชั้น ซึ่งเป็นทางเชื่อมมาอาคารจอดด้านหลังและเป็นอีกจุดที่คาดว่ามีคนงานวิ่งหนีมา ซึ่งขณะทํางานก็พบร่างผู้ติดค้างจํานวนมากในจุดนี้เช่นกัน คาดว่า 2-3 วัน จะสามารถเคลียร์พื้นที่ในจุดนี้ได้
และก่อนที่จะพาคณะสื่อมวลชนออกจากพื้นที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ได้ให้สื่อมวลชนทุกคน พ่นสเปย์ฆ่าเชื้อก่อนออกจากพื้นที่
Advertisement
