"ทนายบอสพอล" เผย ที่ดีเอสไอแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ ค่อนข้างหลวม ยืนยันชี้แจงได้หมด บอสพอล สั่งออเดอร์ใหม่ เอาผิด แม่ข่าย-นักธุรกิจ 4-5 ราย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่ บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ว่า หลวมดี เพราะหากดูจากพฤติการณ์ที่ดีเอสไอแจ้งมา เป็นเรื่องที่สามารถตอบได้ ชี้แจงได้อย่างเด็ดขาด ส่วนประเด็นหลักที่ดีเอสไอสอบสวน เขาใช้คำว่า "Dealer get dealer" ในพฤติการณ์คือหมายความถึงตัวแทนที่แนะนำให้ตัวแทนคนอื่นสั่งซื้อสินค้า หรือเปิดบิล 250,000 บาทก็จะได้ค่าตอบแทน ซึ่งประเด็นนี้มันคือค่าคอมมิชชั่นหรือค่านายหน้าอยู่แล้ว โดยมันไม่ได้มีตลอด หรือมีเรทตายตัว เพราะบางเดือน หรือหลายๆ เดือนก็ไม่มี จะมีเฉพาะช่วงที่เราต้องการทำยอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นปกติหรือเป็นประจำของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด อีกทั้งประเด็นนี้เราตอบได้ มีหลักฐานชัด
ยืนยันว่าไม่มีประเด็นหนักใจ รวมถึงเรื่องการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ก็ไม่หนักใจ เพราะมันเป็นเรื่องคะแนนที่ได้ไปท่องเที่ยวเท่านั้น จึงไม่เข้าใจว่าเเจ้งเป็นพฤติการณ์แห่งคดีได้อย่างไร ส่วนอีกประเด็นที่ดีเอสไอ กล่าวหาว่าเป็นการชักชวนคนมากกว่าการซื้อขายสินค้านั้น ซึ่งในข้อเท็จจริงมีคนมาซื้อสินค้าจริงๆ เนื่องจากในส่วนที่ดีเอสไอ ระบุ เป็นการระบุพฤติการณ์ทำนองว่า ลูกค้า / ตัวแทนจ่ายเงินให้กับบริษัทฯ แล้วได้ค่าตอบแทน ซึ่งมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริง คือ ตัวแทนเปิดบิล เขาได้สินค้าไปขาย ตัวแทนไม่ได้ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทน 48% กลับมาดังที่ดีเอสไอเข้าใจ ประเด็นนี้เราแก้ข้อกล่าวหาได้
ทนายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 18 ราย และยังไม่ได้สอบสวนปากคำ เนื่องจากห้องสอบสวนของเรือนจำฯ มีห้องเดียว และฝั่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีผู้ต้องหาชายหลายคน จึงทำให้สอบปากคำไม่ทัน ดังนั้น หลังจากนี้ก็จะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรและจะยื่นให้ภายใน 15 วัน โดยจะทำรายละเอียดว่าแต่ละเรื่องที่ดีเอสไอมีพฤติการณ์แห่งคดีมา ผู้ต้องหาจะชี้แจงอย่างไรบ้าง ซึ่งเรามีทั้งเอกสาร พยานหลักฐาน การส่งสินค้าไปยังปลายทางทุกอย่าง จึงไม่ได้กังวล ส่วนผู้ต้องหาที่เข้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คือ บอสอูมมี่ เนื่องจากตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 พ.ย. บอสอูมมี่ มีอาการอาเจียนบ่อยและมีอาการอ่อนเพลีย จึงส่งเข้าทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ทั้งนี้ กรณีที่อาจจะสอบปากคำไม่ทัน 7 ฝาก หรือ 84 วัน มองว่าผู้ต้องหาให้การไปไม่รู้จะใช้ระยะเวลากี่วัน เพราะรายละเอียดเยอะ แต่ตนเองเชื่อว่าทัน ส่วนพยานอีกกว่า 2,000 - 3,000 ราย ตนย้ำว่าจะตัดออกไม่ได้ ถือเป็นการสอบปากคำพยานที่ขายของได้ให้เข้าไปในสำนวน และไม่ควรฟังความข้างเดียว ต้องฟังความอีกข้างด้วย ทั้งนี้ ตนอาจจะขอประกันตัวบอสวิน หรือ นายธวินทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ ก่อน เพราะร่างกายเริ่มแย่ เนื่องจากเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่ 3 แล้วทำให้เกิดความกังวลใจ โดยจะยื่นประกันเร็วๆ นี้
ทนายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่เคยให้ข้อมูลอ้างว่ามีบุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามเรียกเงินโค้ชแล็ป 9 ล้านบาท และวันนี้ตำรวจยืนยันชัดเจนหลังสอบปากคำโค้ชแล็ปแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่หากจะดำเนินคดีจะต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ตนมองว่าตำรวจสามารถเอาผิดได้เอง แต่ถ้าจะให้ทางฝั่งตนเองร้องทุกข์กล่าวโทษ ตนก็ขอปรึกษาโค้ชแล็ปและภรรยาของโค้ชแล็ปก่อน เพราะทั้งกองบังคับการปราบปราม และฝั่งของตนเองก็เสียหายทั้งคู่ เนื่องจากเป็นเรื่องไม่จริง ทำให้ตัวของโค้ชแล็ป ต้องเสียเวลากับการให้ข้อมูลด้วย ซึ่งในตอนที่โค้ชแล็ปให้ข้อมูลกับตำรวจ คำให้การของโค้ชแล็ป คือ นายอัจฉริยะ ได้เข้ามาตีเยี่ยมและนำใบมอบอำนาจมาให้เซ็น โดยให้โค้ชแล็ปแต่งตั้งให้นายอัจฉริยะ เป็นตัวแทนและผู้รับมอบอำนาจในการแถลงข่าวให้สัมภาษณ์แทนได้ แต่งตั้งทนายแทนได้ และขึ้นสู้คดีแทนได้แลกกับการที่จะฝากเงินผู้ต้องขังให้โค้ชแล็ป 7,000 บาท และไม่มีเสนออย่างอื่น แต่โค้ชแล็ปปฏิเสธ
ส่วนเรื่องเงิน 9 ล้าน ย้ำว่าโค้ชแล็ปและภรรยาให้การไปแล้วว่าไม่มีเรื่องนี้ พร้อมยืนยันอีกว่า ประเด็นเรื่องที่ไปอ้างว่า โค้ชแล็ปมีภรรยาน้อย เรื่องนี้ก็ไม่มีเช่นกัน เพราะโค้ชแล็ป มีภรรยาคนเดียว และเป็นเรื่องที่ทำให้โค้ชแล็ป เครียดพอสมควรสำหรับผู้ชาย 1 คน ซึ่งประเด็นนี้ ก็เชื่อว่าโค้ชแล็ป จะดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทฯ ส่วนกรณีการกล่าวโทษที่อ้างเรื่องเงิน 9 ล้านบาท ขอหารือก่อนว่าทางฝั่งโค้ชแล็ปจะกล่าวโทษในข้อหาอะไรบ้าง
ทนายวิฑูรย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนมากในวันนี้ได้พูดคุยกับบอสพอล เรื่องการต่อสู้คดีเป็นหลัก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และบอสพอลไม่ได้กังวลอะไรที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ยืนยันว่าสู้คดีได้หมด และตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องการสู้คดีก่อน แต่ถ้าถามว่ามีออเดอร์ใหม่จากบอสพอลให้ตนไปดำเนินการหรือไม่ ยอมรับว่ามี แต่เป็นกลุ่มแม่ข่ายกับนักธุรกิจประมาณ 4-5 ราย และยังไม่เคยเปิดชื่อมาก่อน ทั้งนี้ ทางบอสพอลได้ทราบแล้วว่าทนายตั้มได้เข้าไปอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ แต่บอสพอล ไม่ได้มีแอ็กชั่นอะไรและไม่ได้พูดถึง แค่รับทราบเท่านั้น .
Advertisement