ตำรวจสอบสวนกลาง ลุยค้น 4 จุด ทลายเว็บหนังเถื่อน เปิดนานกว่า 20 ปี มูลค่าเสียหายกว่าพันล้านบาท
วันที่ 16 ก.พ. 67กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันตรวจค้น 4 จุด
ประกอบด้วย 1.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 2.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ 3.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ และ 4.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อทลายเว็บหนังเถื่อน เปิดนานกว่า 20 ปี
พร้อมตรวจยึดของกลาง ได้แก่ สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 9 เล่ม, บัตร atm จำนวน 2 ใบ , ฮาร์ดดิสก์ 29 ตัว, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน๊ตบุ๊ค จำนวน 3 เครื่อง, แทปเลต จำนวน 1 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง , เมมโมรี่การ์ดและแฟลชไดร์ฟ จำนวน 33 อัน รวมของกลาง จำนวน 79 รายการ
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเอกชน ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ จากหลายบริษัทเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ภาพยนตร์อันเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทผู้เสียหายจำนวนมากเหล่านี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงนำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด ตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี โดยในบางจุดพบว่ากลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดนี้มีการดัดแปลงห้องใต้บันได ไว้สำหรับการเก็บฮาร์ดดิสก์หรือไฟล์ข้อมูลภาพยนตร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายในลักษณะจงใจซุกซ่อนการตรวจจับอีกด้วย
ทั้งนี้จากการสืบสวน พบว่า พฤติการณ์ของเว็บไซต์ดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการจำนวนหลายคน แบ่งหน้าที่ในส่วนต่างๆ ชัดเจน มิหนำซ้ำยังเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า siambit.com ซึ่งเป็นชื่อเว็บไซต์ และมีโดเมนเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. เพิ่งเข้าตรวจค้นและจับกุมไปเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ในขณะนั้นเป็นการจับกุมตามความผิดฐาน “เผยแพร่สื่อลามกอนาจารและแฝงการโฆษณาเว็บไซต์การพนันออนไลน์”
และด้วยการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย ภายใต้สังกัด ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทำให้พบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวนั้นมีการกระทำความผิดในหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการลักลอบเผยแพร่ภาพยนตร์อันเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. จึงได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลจากกรณีดังกล่าว
ซึ่งทำให้พบว่า ช่วงแรกจะเปิดให้ชมฟรี ต่อมาเริ่มเก็บค่าบริการสมาชิกจากประชาชนทั่วไป มีการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เพื่อปกปิดและหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เรื่อยมา ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่าแสนราย เผยแพร่ภาพยนตร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่นกว่า 50,000 เรื่อง ซึ่งบริษัทผู้เสียหายคำนวณมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียรายได้ จากการจำหน่ายตั๋วในโรงภาพยนตร์ และรายได้จากการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์หรือการสตรีมมิ่งแบบถูกกฎหมาย เบื้องต้นเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่า รายได้หรือผลประโยชน์ที่เรียกเก็บจากค่าสมาชิกมีเงินหมุนเวียนกว่า 60 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมเตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวต่อไป
Advertisement