ตำรวจหื่นโผล่อีกที่อุบลฯ บอกมาให้อาหารปลาดุกทุกคืน แลกค่าปรับ
สาว 19 ไม่มีใบขับขี่ โดนเรียกปรับ 6,300 ไม่มีเงินจ่าย ขอยืม ตร. เจอคำตอบว่า "ต้องมาให้อาหารปลาดุกทุกคืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หญิงอายุ 19 ปี ร้องผ่านเพจโหนกระแสว่า เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ตนโดนค่าปรับที่ จ.อุบลราชธานี ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ให้ไปเสียค่าปรับที่ศาล ตนก็ไปตามที่เขาเขียนใบมาให้ ซึ่งตนโดนไป 6,300 บาท เพราะไม่มีใบขับขี่และวันนั้นเป็นวันเสาร์ ซึ่งศาลทำงานครึ่งวันแต่ตนไม่มีเงินจ่ายในช่วงเช้า เพราะรอพี่ประชุมงาน ซึ่งจะประชุมเสร็จช่วงบ่าย จึงจะโอนเงินให้ไปจ่าย ตนจึงถามตำรวจว่าขอจ่ายตอนบ่ายได้ไหม แต่เขาบอกว่าไม่ได้เพราะเป็นเวลานอกราชการ ถ้าไม่มีจ่ายก็ไปนอนคุกคืนละ 500 อีกสักพักรถเรือนจำก็จะมาแล้วรีบหาเงินมาจ่ายละกัน ซึ่งตนก็พูดว่าขอยืมได้ไหม 2,000 บาท ตอนบ่ายจะเอามาคืนให้ ตำรวจตอบว่ามาให้ยืมได้แต่ต้องมาให้อาหารปลาดุกทุกคืน แล้วตำรวจก็หัวเราะกับตำรวจอีกนาย ซึ่งคำว่าให้อาหารปลาดุกทุกคืนนี่มันหมายความว่ายังไง ตนคิดว่าไม่น่าจะดีจึงตัดสินใจจ่ายค่าปรับครึ่งหนึ่ง คือ 3,000 บาท นอกนั้นทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ ที่ตนนำเรื่องมาเปิดเผยครั้งนี้ เพราะเห็นข่าวน้องนักเรียนหญิง ม.5 ไม่มีใบขับขี่ถูกปรับ 2,000 บาท แล้วโดนตำรวจพาไปขืนใจ ตนอยากจะแชร์ว่าน้องไม่ได้โดนคุกคามเพียงคนเดียว ตนก็เคยเจอเหตุการณ์คล้ายกันแต่ไม่ได้ถึงขั้นน้องผู้เสียหายที่เป็นข่าว
ด้านพ.ต.ท.ณัฐฐ์ฐนนท์ สีฟ้า รอง ผกก.จร.สภ.เมืองอุบลราชธานี กล่าวว่าเบื้องต้นได้ดูข้อมูลจากโหนกระแสที่ส่งข้อความว่ามีเด็กหญิงอายุ 19 ปี กระทำความผิดเกี่ยวกับใบขับขี่และมีค่าปรับ 6,300 บาท ทางเราได้ดูจากข้อความและเอกสารปรากฎว่าเอกสารเสียค่าปรับเป็นของศาล เป็นใบเสร็จของศาล ทางผู้บังคับบัญชาก็ได้ให้หาข้อมูลในเบื้องต้นมีตำรวจท่านใดได้พูดและกระทำดังกล่าวหรือไม่ จากการสืบถามเบื้องต้นก็ยังไม่มี และก็จะดูข้อมูลในเรื่องของเอกสารเชื่อได้ว่าน้องที่กระทำความผิดได้กระทำความผิดเกี่ยวกับ เมามากกว่า ถ้าเป็นใบขับขี่ทางตำรวจปรับอย่างมากก็ 200 บาท ยิ่งเป็นนักเรียนจะปรับไม่เยอะนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่จะลดอุบัติเหตุในส่วนที่เสียค่าปรับ 6,300 บาท ที่ศาลในเรื่องการเสียค่าปรับครึ่งหนึ่งและบำเพ็ญประโยชน์ครึ่งหนึ่งก็เป็นหน้าที่ของศาลเช่นกัน
และในกรณีทางเจ้าหน้าที่ได้พูดว่ามีการได้จ่ายเงินให้คงเป็นเจ้าหน้าที่ที่อื่นคงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของโรงพักไม่ทราบว่ากระบวนการนี้เป็นของขั้นใด ในเบื้องต้นทางเรายังยืนยันว่าไม่มีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความโปร่งใสและความชัดเจนของผู้บังคับบัญชาก็พร้องที่จะรับฟังว่าน้องได้รับความเสียหายจากโรงพักก็สามารถนำผู้ปกครองมาแจ้งความด้วยตัวเองกับท่านผู้บังคับบัญชา พร้อมที่จะรับแจ้งความที่จะดำเนินการให้ส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำความผิด โดยเฉพาะท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ท่านเน้นย้ำข้าราชการตำรวจทั่งประเทศว่าให้เอาใจใส่พี่น้องประชาชนและก็ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดี ผู้บังคับบัญชาทุกคนเล็งเห็นความสำคัญพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับน้องถ้าเกิดว่าโรงพักดำเนินการส่วนไหนที่บกพร่องแต่ในการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ใช่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล ไม่ใช่ตำรวจ สภ.เมือง เป็นอีกที่หนึ่งที่มาดูแลที่ศาล
Advertisement
