ชาวบ้านโวยจุดพักรถเลียบชายฝั่งทะเลชุมพร งบประมาณ 20 ล้าน ถูกปล่อยทิ้งร้าง อาคารศาลาที่พัก มีรังแตนนับร้อยรัง เป็นอันตรายกับนักท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว จุดพักรถถนนริเวียร่าเมืองไทย เลียบชายฝั่งทะเล ช่วงระหว่างบ้านน้ำพุ-บางเบิด หมู่ที่ 5 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยวว่า ถูกปล่อยทิ้งร้าง แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆเลย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่แวะเข้าไปใช้บริการนั่งพักผ่อนและหลบแดดฝน ได้ถูกแตนที่ทำรังอยู่จำนวนมากต่อยจนได้รับความเจ็บปวดกันหลายราย แถมห้องน้ำก็สกปรกมีอุจจาระเกรอะกรังเหม็นคลุ้ง
จากการตรวจสอบศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว จุดพักรถถนนเลียบชายฝั่งทะเลชุมพร ใช้งบประมาณสร้างกว่า 20 ล้านบาท อยู่บนเนื้อที่ราว 6 ไร่ ซึ่งเป็นถนนโครงข่ายเลียบชายฝั่งทะเลพื้นที่ภาคใต้ตอนบน หรือที่เรียกกันว่า “ถนนริเวียร่าเมืองไทย” เชื่อมโยงตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ลงสู่จังหวัดทางภาคใต้ ทิศเหนือ และทิศตะวันออกติดกับโครงการพัฒนาส่วนพระองค์จำนวน 400 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวศึกษาดูงานที่สำคัญของจังหวัดชุมพร ส่วนด้านทิศใต้ติดกับแหล่องท่องเที่ยวสันทราย หรือ “แซนดูนหนึ่งในสยามสันทรายงามที่ชุมพร” และแหล่งท่องเที่ยวสวยงามอีกหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าว
สภาพในบริเวณศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว จุดพักรถถนนเลียบชายฝั่งทะเลชุมพร มีอาคารที่พักผ่อนนั่งเล่นจำนวน 4 หลัง และอาคารแสดงแผนที่เส้นทางแหล่งท่องเที่ยว 1 หลัง ปรากฏว่าทุกอาคารตั้งแต่ต้นเสา คานบน ผนังฝ้าหลังคา เกือบทุกตารางนิ้ว มีแต่ตัวแตนมาทำรังอยู่อย่างหนาแน่นจำนวนหลายร้อยรัง นอกจากนั้นตามกิ่งต้นไม้ที่ปลูกอยู่จุดลานจอดรถจำนวนหลายต้นเกือบทุกต้นมีแต่รังแตนเกาะอยู่จำนวนมาก ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่แวะเข้าไปใช้บริการถูกตัวแตนต่อยจนเจ็บปวดและได้รับบาดเจ็บกันมาแล้วหลายราย
ใกล้กับศาลาที่พักมีอาคารห้องสุขา 1 หลัง ภายในแยกเป็นห้องสุขาชาย ห้องสุขาหญิง และผู้พิการ โดยห้องสุขาชายและผู้พิการถูกปิดล็อก เปิดให้ใช้เฉพาะห้องสุขาหญิง ซึ่งมีอยู่จำนวน 4 ห้อง ปรากฏว่าสกปรก มีกลิ่นเหม็นโชยไปทั่ว และมีน้ำรั่วไหลเจิ่งนองพื้น ส่วนบริเวณด้านข้างอาคารห้องสุขามีถังน้ำสเตนเลสขนาดใหญ่ 2 ถัง สำหรับกักเก็บน้ำ โดยติดตั้งปั๊มน้ำอัตโนมัติไว้ข้างๆ 1 ตัว และปั๊มน้ำอัตโนมัติดังกล่าวมีเสียงเครื่องติดทำงานต่อเนื่องตลอดเวลาลักษณะเหมือนมีน้ำรั่วไหล
ทางด้านทิศตะวันออกติดกับลานจอดรถมีอาคารหลังใหญ่ 2 หลัง เป็นอาคารจำหน่ายสินค้าโอทอป และบริเวณด้านหลังเป็นอาคารสำนักงาน 1 หลัง ทั้งหมดถูกปิดตายไม่ได้ใช้งาน ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเป็นอาคารสำนักงานศูนย์บำรุงทางถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย สังกัดกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะกำลังสำรวจตรวจสอบตามที่ได้รับการร้องเรียนอยู่นั้น ได้มีชายหญิงต่างชาติชาวยุโรปขับบิ๊กไบก์ 2 คัน แวะเข้าไปจอดเพื่อหลบฝนที่กำลังตกปรอย ๆ ขณะจอดรถบิ๊กไบค์และกำลังเดินเข้าที่หลบฝนที่ศาลา แต่เมื่อทีมงานผู้สื่อข่าวเห็นได้ตะโกนและวิ่งไปบอกให้ชาวต่างชาติระวังแตนจำนวนมากที่ทำรังอยู่ทั่วบริเวณของศาลาที่พักดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่าช่วงที่ทีมงานผู้สื่อข่าวเดินไปชี้รังแตนให้ชาวต่างชาติทั้ง 2 คนดู ได้ถูกแตนบินเข้ามาต่อยที่คอและตามร่างกายอีกหลายจุด ทำเอาทีมงานผู้สื่อคนดังกล่าวร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดและรีบวิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชาวต่างชาติจะรีบขับรถบิ๊กไบค์ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาจากนั้นไม่นานได้มีสองสามีภรรยาขับรถยนต์แวะเข้ามาเพื่อใช้ห้องสุขา หลังจากจอดรถแล้วเดินเข้าไปในห้องสุขาได้ไม่กี่วินาทีจึงรีบเดินออกมาที่รถยนต์ด้วยสีหน้าตาที่ดูสะอิดสะเอียนขยะแขยงเต็มทน โดยทั้งสองเผยว่าขณะที่ตนขับรถผ่านถนนเส้นทางดังกล่าวรู้สึกปวดท้องหนัก จึงจะแวะเข้ามาเพื่อปลดทุกข์ ปรากฏว่าเมื่อเดินเข้าไปในห้องสุขาถึงกับผงะโดยห้องสุขาที่เปิดให้บริการอยู่จำนวน 4 ห้อง ทุกห้องสกปรกทำธุระไม่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยดูแลจุดพักรถและศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย เพราะเสียดายงบประมาณจำนวนมากที่ใช้ก่อสร้าง ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสถานที่ดังกล่าวเมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งขณะนั้นถูกปล่อยทิ้งร้าง เป็นที่มั่วสุมเสพยาเสพติด และก๊อกน้ำสเตนเลส บานเกล็ด ประตู หน้าต่าง และทรัพย์สินอื่น ถูกคนร้ายขโมยไปจนเกลี้ยง และเมื่อได้นำเสนอข่าวออกไปจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนทำให้ นายสมัย โชติสกุล รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ในขณะนั้น รีบลงมาตรวจสอบในพื้นที่ และสั่งตั้งงบประมาณนับล้านบาท ลงซ่อมบำรุง พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงาม จากนั้นก็ปล่อยทิ้งร้างมาถึงทุกวันนี้ จนมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร้องเรียนผู้สื่อข่าวดังกล่าว
Advertisement