วันที่ 23 พ.ค. 68 ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้นัดฟังคำพิพากษา ในคดี แตงโม ภัทรธิดา หรือ นิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวพลัดตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตเมื่อปี 65
โดยวันนี้มีจำเลย 4 คน เดินทางมาศาล ประกอบด้วย กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก , แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ , จ๊อบ นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร และ ภีม หรือ เอ็ม ธรรมธีรศรี ในความผิด ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ตั้งแต่เช้าเวลา 07.50 น. กระติก อิจศรินทร์ พร้อมกับทนายความ เดินทางมาถึงเป็นคนแรก แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแค่หันมายิ้มทักทายเท่านั้น ก่อนที่จะเดินขึ้นไปศาลจังหวัดนนทบุรีไปทันที
จากการพูดคุยกับทนายความส่วนตัวพบว่า กระติกมีความกังวลใจเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง โดยภายหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วจะลงให้สัมภาษณ์ทีเดียว
ต่อมาเวลา 08.20 น. จ๊อบ นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร เดินทางมาพร้อมกับทนายความ โดยลงจากรถตู้ส่วนตัว แล้วเดินขึ้นศาลทันที ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไร เพียงแต่ยิ้มรับ และพยักหน้าทักทายสื่อมวลชนเท่านั้น
จากนั้นเวลา 08.40 น. นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม นิดา เดินทางมาถึงที่ศาลฯ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรเช่นกัน
ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ แม่แตงโม ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นไปฟังคำตัดสินของศาลในคดีดังกล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นดุลยพินิจของศาลว่าท่านจะตัดสินออกมาอย่างไร เป็นอุบัติเหตุหรือประมาท รวมถึงเกี่ยวข้องกับการแจ้งความเท็จ หรือยุยงส่งเสริมให้แจ้งความเท็จ หรือทำลายหลักฐานหรือไม่
ส่วนตัวยังมั่นใจในหลักฐานของตำรวจภูธรภาค 1 และอัยการ โดยคดีนี้คุณแม่เป็นโจทก์ร่วม ส่วนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ เพราะฉะนั้นหลักฐานในสำนวนจะเป็นของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และสำนักงานอัยการ ซึ่งมีความมั่นใจในการตัดสินในวันนี้ เพราะน่าจะมีการเขียนคำพิพากษาอย่างละเอียด
ส่วนกรณี ดีเอสไอจะทำการอย่างไรกับคดีนี้ เป็นเรื่องของดีเอสไอ แต่เชื่อว่าศาลจังหวัดนนทบุรี และอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 1 จะเขียนคำพิพากษาออกมาอย่างละเอียด ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุในชั้นสืบสวนสอบสวน และการสั่งฟ้องต่างๆ รวมถึงบรรยายพฤติการณ์เหตุการณ์บนเรือ การชักชวน และการเตรียมไวน์ต่างๆ เทียบให้เห็นว่าต่างคนต่างทำหน้าที่อะไรบ้าง ต่างคนต่างประมาทหรือไม่ เพื่อปิดช่องไม่ให้คนอื่นเอาคำพิพากษาไปหาประโยชน์ เนื่องจากยังมีประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงใจ และประชาชนสงสัยหลายประเด็นในการทำคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทนายเดชา กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับคุณแม่นาน 10 นาที คุณแม่พร้อมยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่กังวลใจ และไม่ได้ผูกอาฆาตพยาบาทกับใคร ให้อภัยทุกคน ตอนเช้ายังไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไร เพราะขอรอฟังคำพิพากษาก่อน ถ้าคู่ความคนไหนไม่พอใจ ก็สามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์หรือยื่นฎีกาต่อได้
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาจำเลยติดต่อคุณแม่มาบ้างหรือไม่นั้น ทนายเดชา กล่าวว่า ไม่มีใครติดต่อคุณแม่มาเลย มีแต่คุณแซนที่ได้ยื่นคำร้องวางเงินสดต่อศาล เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาทในวันพิจารณาคดีครั้งสุดท้าย เป็นการชดใช้เงินด้านมนุษยธรรม
ทนายเดชา กล่าวว่า ส่วนคุณปอและคุณโรเบิรต์ เป็นคนขับเรือ และในส่วนคดีของเขาทั้งคู่ยอมรับสารภาพ และได้ชดใช้ให้คุณแม่เป็นเงินรวมประมาณ 9 ล้านบาท จ่ายมาแล้ว 2 ล้านบาท เหลือผ่อนเดือนละ 30,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี หรือตราบใดที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ จนกว่าจะครบ ส่วนคนที่อยู่บนเรือคนอื่นที่ไม่ได้ขับเรือ เท่าที่ได้พูดคุยกับทางจำเลย และทนายความ เขามองว่าเป็นแค่ผู้โดยสาร เมื่อเป็นผู้โดยสาร เขาก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปดูแลแตงโม เขาก็สู้ในแนวทางนี้
“ส่วนวันนี้ถ้ายกฟ้องก็จะต่างกับคุณปอ และโรเบิร์ต แม้จะเป็นคดีเดียวกัน แต่การกระทำมันคนละส่วน ซึ่งมาจนถึงวันนี้ยังไม่เคยเห็นพยานหลักฐานใด หรือคลิปใดที่มันจะไปถึงการฆาตกรรม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นคนนอกกระทำทั้งนั้น อยู่นอกสำนวน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี ในชั้นศาลไม่ได้มีหลักฐานใหม่ ซึ่งหากวันนี้ศาลตัดสินแล้ว ถือเป็นข้อยุติ และเป็นมารยาทที่ไม่ควรเอามาพูด เพราะถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล ยกเว้นเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงวิชาการ”
Advertisement