เมธี อมรวุฒิกุล อดีตดารา-แนวร่วมนปช. ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ครอบครองปืนทราโว่ของทหาร ยื่นหลักทรัพย์ 3 แสนประกันตัวสู้คดี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ส.ค.ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีครอบครองอาวุธปืน หมายเลขดำอ.1359/63 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือ นายณชิต อำนาจเดชานนท์ อายุ 51 ปี อดีตนักแสดงชื่อดัง และอดีตแนวร่วม นปช. เป็นจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ทั้งนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารบก สังกัดกองทัพบก ผู้เสียหายได้เข้าขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำอาวุธปืนเล็กกล ยี่ห้อทราโว่ TAVOR-21) ขนาด 223 (5.56 มม.) พร้อมซองกระสุนปืน ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ อีกรวม 11 รายการของผู้เสียหายที่นำติดตัวไปใช้ในราชการด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารบกเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. แล้วมีกลุ่มคนร้ายจำนวน
หลายคนได้บังอาจร่วมกันซึ่งเอาทรัพย์ไปในเวลากลางคืนเอาอาวุธปืนเล็กกล ยี่ห้อทราโว่ (TAVOR-21) จำนวน 13 กระบอก ซองกระสุนปืน 50 ซอง ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งอาวุธปืนเล็กกล ขนาด 223 (5.56 มม.) ยี่ห้อทราโว่ (TAVOR-21) หมายเลขประจำปืน 38554046 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนจำนวน 5 ซอง ราคารวม 69,313 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตต่อมา
ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. 2553 เวลาประมาณ 05.45 น. ภายหลังร่วมกันชิงอาวุธแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ พร้อมอาวุธปืนเล็กกล ยี่ห้อทราโว่ (TAVOR-21) ขนาด 223 (5.56 มม.) หมายเลขประจำใน 38554046 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืนจำนวน 5 ซอง อันเป็นทรัพย์บางส่วนของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายร่วมกัน ซึ่งเอาทรัพย์ไปในเวลากลางคืน ได้จากจำเลย พร้อมกระสุน จำนวน 92 นัด อาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ (SMITH&WESSON) ขนาด .38 S PECIAL หมายเลขทะเบียน กท 1942456 จำนวน 1 กระบอกของผู้อื่น พร้อมกระสุนปืน 41 นัด ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ที่จำเลยกับพวกขับมา
เจ้าพนักงานตำรวจจึงยึดทรัพย์ทั้งหมดไว้เป็นของกลาง นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอันเป็นอาวุธซึ่งมีกลไกการยิงแบบปืนกล
(FULL-AUTOMATIC) หรือยิงเป็นชุด ซึ่งถือเป็นอาวุธปืนที่มีชนิดและขนาดนอกจากที่กำหนดกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปื พ.ศ.2490 มาตรา 56 ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เหตุเกิดที่แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์มีประจักษ์พยานเป็น พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ และเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจำเลยได้พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่อยู่ภายในรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน ซึ่งจำเลยเป็นคนขับกลับมาที่คอนโดมิเนียมย่านคลองสาน เชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความไปตามจริง โดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ส่วนที่จำเลยอ้างว่ารถกระบะดังกล่าวยืมมาจากคนรู้จักประมาณ 1 เดือนก่อนวันเกิดเหตุ เพื่อนำมาขนอาหารสัตว์ โดยไม่ทราบว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอยู่ภายในรถ และอาจจะเป็นอาวุธปืนของบุคคลอื่นนั้นฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 มาตรา 78 จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี และให้ริบกระสุนปืนของกลาง
ภายหลังฟังคำพิพากษานายเมธี จำเลยได้ให้ทนายความยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 3 แสนบาท เพื่อประกันตัวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือนายณชิต กล่าวก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า ที่มาฟังผลคำตัดสินในคดีอาวุธสงคราม วันนี้ตนไม่รู้สึกกังวลอะไรเลยเพราะตนก็จะเอาปืนมาจากไหนตนเป็นดารานักแสดง ซึ่งวิธีการนี้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่คนเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์มักจะโดน ซึ่งศาลก็มีการยกฟ้องไปหลายคดีในเรื่องอาวุธปืนสงคราม
อย่างคดีของลูกน้องเสธ.แดงก็ยกฟ้องไปแล้วประมาณ 4 คดี ล่าสุดคดีของ พลโทมนัส ก็เพิ่งจะยกฟ้องไป ตนก็หวังว่าความยุติธรรมจะคืนมาให้กับตนเพราะตนถูกฟ้องคดีเยอะ โดนทั้งฝ่ายเสื้อแดงในปี 53 มาบอกว่าตนเอาคดีไปแลกทรยศมีแกนนำออกมาว่าตน ไม่มีหรอกครับที่จะเอาคดีไปแลก ผมโดน 13 คดีเต็มๆ ประกันตัวตั้ง 2 ล้านบาทแต่ไม่เป็นไร ฝั่งผู้มีอำนาจเองก็ยัดคดีมาให้ตนอีกตนจะทำอะไรได้ต้นก็ได้แต่รับอย่างเดียวหวังว่าศาลท่านจะเมตตากรุณาว่าอะไรคือข้อเท็จจริง อย่างที่ตนเรียนให้ทราบว่า ตนเป็นนักแสดงเป็นประชาชนคนหนึ่งจะนำปืนมาจากไหน ปืนที่เป็นอาวุธสงคราม ตนจะเอามายังไง ตนต้องไปปล้นที่ไหนมา แต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นเรื่องของระบบการกล่าวหา เราก็ต้องสู้กันเรื่องข้อเท็จจริง
เมื่อถามการเตรียมเรื่องหลักทรัพย์ประกันตัว ตนประกันตัวไป 250,000 บาทแล้ว เมื่อครั้งตอนโดนจับ หากสมมุตศาลมีคำสั่งลงโทษตนอาจจะใช้หลักทรัพย์เดิม แต่อาจจะเพิ่มหลักทรัพย์ขึ้น แต่เมื่อคืนตนก็นอนหลับดี
Advertisement