Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
โพลชี้ สนามเลือกตั้งยังเปิด ภูมิใจไทยนำ พรรคใหม่ขยับ

โพลชี้ สนามเลือกตั้งยังเปิด ภูมิใจไทยนำ พรรคใหม่ขยับ

21 ธ.ค. 68
17:28 น.
แชร์

โพลชี้ สนามเลือกตั้งยังเปิด ภูมิใจไทยนำ พรรคใหม่ขยับ “ปวงชนไทย” ติดกลุ่มมวยรอง

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยรายงานผลการสำรวจ เรื่อง “คะแนนเสียงของพรรคการเมืองวันนี้”สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,134 ตัวอย่าง โดยใช้หลักสถิติประมาณการคะแนนเสียงในระดับประเทศ อาศัยประสบการณ์และแบบจำลองเชิงสถิติที่เคยใช้มาแล้วในอดีต เช่น กรณีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่โพลชี้ว่านายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะได้รับคะแนนประมาณ 1.2 ล้านเสียง ขณะที่ผลการนับคะแนนจริงอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านเสียง รวมถึงกรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2566 ที่โพลชี้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับคะแนนเสียงเกินกว่า 10 ล้านคะแนน ซึ่งผลจริงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

โดยการทำโพลครั้งนี้ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 – 20 ธ.ค. 2568 ที่ผ่านมา กรอบการวิเคราะห์อ้างอิงฐานข้อมูลประชากรอายุ 18 ปีขึ้นไป จากทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนพ.ย. 2568 จำนวนทั้งสิ้น 53,057,546 คนเพื่อให้การประมาณการคะแนนเสียงอยู่บนฐานประชากรจริง และสามารถสะท้อนพลวัตทางการเมืองในระดับประเทศได้

รายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 53,057,546 คน มีประชาชนที่คาดว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8 ก.พ. 2569 จำนวนประมาณ 38,307,548 คน ขณะที่กลุ่มที่ระบุว่าไม่ไปเลือกตั้งหรือยังไม่แน่ใจว่าจะไปใช้สิทธิ มีจำนวน 14,749,998 คน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนอัตราการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยมีประชาชนมากกว่าสองในสามของผู้มีสิทธิทั้งหมดแสดงความตั้งใจจะไปเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่ไปเลือกตั้งยังมีขนาดใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในเชิงพฤติกรรม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีได้ตามบริบททางการเมือง กระแสสังคม และการสื่อสารของพรรคการเมืองในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง

เมื่อพิจารณาผลประมาณการคะแนนเสียงของพรรคการเมืองในภาพรวม พบว่า พรรคการเมืองขนาดใหญ่ยังคงเป็นแกนหลักของระบบการแข่งขันทางการเมืองไทย โดยพรรคภูมิใจไทยได้รับคะแนนเสียงประมาณการสูงสุดที่ 8,436,150 คะแนน รองลงมาคือ พรรคเพื่อไทย จำนวน 7,587,229 คะแนน และพรรคประชาชน จำนวน 4,509,891 คะแนน

ในขณะเดียวกัน กลุ่ม “เลือกพรรคอื่น ๆ และพรรคเปิดตัวใหม่” มีคะแนนเสียงรวมกันถึง 5,199,640 คะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนว่าพรรคขนาดเล็กและพรรคการเมืองใหม่ยังคงมีพื้นที่ทางการเมือง และมีบทบาทในฐานะ “ทางเลือก” สำหรับประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ผูกพันกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ กลุ่มประชาชนที่ยังลังเล ไม่ตัดสินใจ หรือไม่ตอบคำถาม มีจำนวนสูงถึง 12,574,638 คน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งโดยลำพัง และถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงสุดในการกำหนดทิศทางผลการเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้าย

เมื่อรวมกับกลุ่มที่ไม่ไปเลือกตั้งจำนวน 14,749,998 คน จะเห็นได้ว่ามีประชาชนมากกว่า 27 ล้านคน ที่ยังอยู่นอกการตัดสินใจทางการเมืองโดยตรง ซึ่งสะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงเป็น “สนามเปิด” ในเชิงพฤติกรรม ไม่ใช่การแข่งขันที่ปิดเกมแล้วจากตัวเลขคะแนนเสียงปัจจุบัน

สำหรับพรรคการเมืองที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ผลการสำรวจพบว่า พรรคเศรษฐกิจได้รับคะแนนเสียงประมาณการ 742,806 คะแนน พรรคปวงชนไทยได้รับ 477,518 คะแนน และพรรคไทยก้าวใหม่ได้รับ 265,288 คะแนน จะเห็นได้ว่าพรรคโนเนม หรือ พรรคที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นในการรับรู้กำลังพุ่งขึ้นสู่กลุ่มพรรคมวยรอง เช่น พรรคเศรษฐกิจ พรรคปวงชนไทย กำลังกลายเป็นพรรคที่ถูกจับตามองอยู่ในเวลานี้ด้วยนโยบายเรื่องเมกะโปรเจก เศรษฐกิจการเกษตร สร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ เป็นต้น

แม้ตัวเลขดังกล่าวจะยังอยู่ในระดับหลักแสนเมื่อเทียบกับพรรคขนาดใหญ่ แต่ในเชิงพฤติกรรมการเลือกตั้ง ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการเริ่มก่อตัวของ “มวยรอง” หรือ “อันเดอร์ด็อก เอฟเฟกต์” Underdog Effect กล่าวคือ การที่ประชาชนบางส่วนเลือกสนับสนุนพรรคที่ยังไม่ใช่ผู้เล่นหลัก ด้วยแรงจูงใจด้านความหวัง การให้โอกาส และความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

เมื่อเชื่อมโยงตัวเลขคะแนนเสียงเข้ากับกรอบการวิเคราะห์เชิงพฤติกรรม พบว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีพลวัตที่สำคัญอยู่สองด้านควบคู่กันได้แก่Bandwagon Effect และ Underdog Effect ในด้านหนึ่ง พรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีคะแนนนำอยู่ เช่น พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย อยู่ในสถานะที่เอื้อต่อการเกิด Bandwagon Effect กล่าวคือ ประชาชนกลุ่มลังเลอาจตัดสินใจสนับสนุนพรรคที่ถูกมองว่ามีโอกาสชนะสูง เพื่อให้เสียงของตน “ไม่สูญเปล่า” และมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือทิศทางประเทศ

แต่อีกด้านหนึ่ง คะแนนเสียงของพรรคเปิดตัวใหม่และพรรคขนาดเล็ก รวมถึงจำนวนประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจในระดับสูง สะท้อนว่า Underdog Effect ยังมีพื้นที่และสามารถขยายตัวได้ หากพรรคการเมืองสามารถสื่อสารนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาปากท้อง ความเป็นธรรม และคุณภาพชีวิตได้อย่างน่าเชื่อถือ

จากการสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง หากแต่อยู่ที่ พฤติกรรมการตัดสินใจของประชาชนกลุ่มลังเลและไม่ตัดสินใจ ซึ่งมีขนาดใหญ่และยังเปิดรับข้อมูลใหม่อย่างต่อเนื่องหากกระแส “มวยต่อ” หรือ “แบนด์วากอน” Bandwagon เด่นชัดขึ้น ผลการเลือกตั้งอาจเอนเอียงไปสู่พรรคที่นำอยู่ แต่หาก “มวยรอง” หรือ “อันเดอร์ด็อก เอฟเฟกต์” Underdog Effect ถูกกระตุ้นผ่านการสื่อสารเชิงนโยบายและอัตลักษณ์ทางการเมืองที่ชัดเจน โครงสร้างคะแนนเสียงอาจกระจายตัวมากขึ้น และเปิดโอกาสให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างจากความคาดหมายเดิม

โดยสรุป ผลการสำรวจของซูเปอร์โพลครั้งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการจัดอันดับพรรคการเมือง หากแต่ต้องการสะท้อน “เสียงของประชาชนในช่วงเวลาปัจจุบัน” และชี้ให้เห็นว่าการเลือกตั้งยังคงเป็นกระบวนการที่มีชีวิต มีพลวัต และเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองแข่งขันกันด้วยนโยบาย ความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อสังคม

หากพรรคการเมืองทุกพรรคใช้ข้อมูลชุดนี้เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงการสื่อสารและการกำหนดนโยบาย โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เพียงเป็นการแข่งขันทางการเมือง แต่จะเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของสังคมไทย เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง และนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน

Advertisement

แชร์
โพลชี้ สนามเลือกตั้งยังเปิด ภูมิใจไทยนำ พรรคใหม่ขยับ