
วันที่ 13 ธ.ค. 68 น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวในการแถลงข่าวศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตอนหนึ่งว่า กองทัพเรือได้เปิดยุทธการใหม่ว่า ประจวบคีรีขันธ์ ประจันตคีรีเขตร ภายหลังจากเกิดภัยคุกคามในพื้นที่ท้องทะเล โดยในยุทธการดังกล่าวได้มีการจัดตั้ง หมวดเรือเฉพาะกิจ พิทักษ์อ่าวไทย เพื่อค้นหาและทำลาย ที่ตั้งทางทหารและกำลังท่งเรือของฝ่ายกัมพูชา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย อีกทั้งเพื่อลดทอนการนำเข้ายุทธปัจจัยสำคัญเข้าสู่ประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ทำมาตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะครั้งที่แล้ว
ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพเรือ ได้ปฏิบัติการที่ เกาะยอ ในพื้นที่ จ.เกาะกง ที่พบปืนใหญ่ขนาด 130 มม. ที่มีรัศมีการยิงครอบคลุมไปถึงชุมชน บ.หาดเล็ก จ.ตราด ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ทางกองทัพเรือ จึงต้องรีบดำเนินการกับภัยคุกคามตรงหน้าให้หมดไป
ด้าน พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงว่า ช่วงเวลา 01.00 น. – 03.00 น. ทัพเรือภาคที่ 1 ได้เปิดยุทธการ “ประจวบคีรีขันธ์–ประจันตคีรีเขตร” โดยหมวดเรือเฉพาะกิจ “พิทักษ์อ่าวไทย” เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเล ปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย
การปฏิบัติการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อลดทอนและลิดรอนขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่จังหวัดเกาะกง โดยเฉพาะที่ตั้งทางทหารบนเกาะยอ ซึ่งตรวจพบว่าเป็นที่ตั้งฐานปืนใหญ่ที่มีระยะยิงครอบคลุมถึงพื้นที่ชุมชนบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด อันเป็นพื้นที่รับผิดชอบและมีหน่วยทหารของกองทัพเรือตั้งอยู่
จากการข่าวกรอง พร้อมทั้งการตรวจการณ์และพิสูจน์ทราบเป้าหมาย พบว่าบนเกาะยอดังกล่าวมีการจัดวางปืนใหญ่จำนวน 4 กระบอก ซึ่งเตรียมที่จะใช้โจมตีฝ่ายไทย หมวดเรือเฉพาะกิจพิทักษ์อ่าวไทยจึงได้เริ่มปฏิบัติการตามแผน โดยกำลังทางเรือได้ควบคุมพื้นที่ทางทะเล โจมตีเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบ ทั้งที่ตั้งปืนใหญ่และอาคารกองบัญชาการ เพื่อจำกัดและลดทอนขีดความสามารถในการคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนไทย ระหว่างการปฏิบัติการ ฝ่ายกัมพูชาได้ตอบโต้กลับมาทันที จนกระทั่งเมื่อเวลา 02.30 น. กำลังทางเรือของฝ่ายไทยได้ยุติการโจมตี และถอนกำลังออกจากพื้นที่
กองทัพเรือยืนยันว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปเพื่อการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายและแนวปฏิบัติสากล มีเป้าหมายเฉพาะต่อที่ตั้งทางทหารที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศในเรื่องสิทธิในการป้องกันตนเอง (Right to Self-Defence) โดยการใช้กำลังตามความจำเป็นและได้สัดส่วน และยังคงยึดมั่นในการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
Advertisement