ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แถลงย้ำจุดยืน 5 ข้อ ไทยป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงย้ำจุดยืน 5 ข้อ ยันไทยป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล ยึดความปลอดภัยพลเรือนเป็นหลัก

(10 ธ.ค. 2568) เวลา 10.10 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก, พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ, นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษก กองทัพเรือ และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาตามนัด! “ทรัมป์” จ่อยกหูคุย ผู้นำไทย-กัมพูชา ยุติสู้รบ

เขมรส่งโดรน 80 เที่ยว โจมตีเนิน 677 ยิงใส่ปราสาทคนาทั้งที่มีทหารตัวเอง

กองทัพบก ประณาม กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกใกล้ รพ.พนมดงรัก

พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวว่า ในปฏิบัติการที่ผ่านมาประเทศไทยยึดจุดยืน 5 ข้อ คือ

1. ไทยไม่ได้เริ่มปฏิบัติการทหาร แต่เป็นกัมพูชาเริ่มก่อน ไทยจึงต้องป้องกันตนเอง

2. ทุกการปฏิบัติการทางทหารที่ผ่านมาของไทยอยู่ภายใต้ IHL(International Humanitarian Law ) หรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

3. พลเรือนต้องปลอดภัย คือ เป้าหมายสูงสุด

4. กองทัพเป็นทางเลือกสุดท้ายไม่ใช่ทางเลือกแรก

5. ไทยยึดสันติภาพ แต่ไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตย

พร้อมย้ำว่าในการปฏิบัติการทางทหารของไทยเป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมหว่างประเทศ และกฎบัตรมาตรา 51 ของสหประชาชาติ โดยยึดสิทธิการป้องกันตนเอง และหลักการใช้กำลังเท่าที่จำเป็น ได้สัดส่วน ไม่เกินกว่าเหตุ และแยกแยะเป้าหมายทางทหารกับพลเรือน ซึ่งต่างจากรูปแบบการโจมตีของกัมพูชาที่มีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

สำหรับเป้าหมายของไทยในการปฏิบัติการทางทหาร คือ ต้องการริดรอนขีดความสามารถกองกำลังฝ่ายกัมพูชาเพื่อไม่ให้โจมตีประเทศไทย รวมทั้งปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมย้ำว่าประเทศไทยต้องการสันติภาพ แต่ต้องดำเนินควบคู่ไปกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนเป็นสำคัญ โดยจะพยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาที่มีการปะทะตลอดแนวชายแดน 7 จังหวัด ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชน ทำให้ต้องอพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวมากกว่า 4 แสนคน และโรงเรียนกว่า 700 แห่งต้องปิดการเรียนการสอน โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ก็ได้บูรณาการกำลังร่วมกันในการดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ส่วนหลังอย่างเต็มที่

ส่วนยอดทหารไทยที่เสียชีวิตจากการปะทะที่เกิดขึ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากปฏิบัติการทางทหารยังคงดำเนินอยู่อย่างต่เนื่อง แต่หากมีความชัดเจนแล้วจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

คอนเทนต์แนะนำ

ไม่อยากตับอักเสบลามไปสู่มะเร็ง เช็ก5 พฤติกรรมเสี่ยงที่เราอาจไม่รู้ตัว!

โรคซึมเศร้าเชื่อมโยงกับพันธุกรรม เผยงานวิจัยใหม่พลิกความเข้าใจเดิม

อนาคตอยู่ตรงนี้ ! 10 อันดับ เมืองยั่งยืนที่สุดในโลก Sustainable Cities