
วันที่ 4 ธ.ค.2568 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย เชื่อว่านายอนุทินมีความสนิทสนมกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ มากกว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน พร้อมทั้งบกพร่องในหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้ต้องปลดจากตำแหน่ง ว่านายสุริยะ เวลาที่ท่านนั่งรถกับตนเวลาเดินทางไปต่างประเทศ ท่านก็ชื่นชมตนแล้วชื่นชมอีก เชื่อว่าลึกๆนายสุริยะ ก็ทราบว่าพวกเราทำงานกันอย่างไร ตนเคารพท่าน ซึ่งนายสุริยะ กับตนไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย เจอกันเมื่อไหร่ท่านก็ชื่นชมว่าเป็นนักการเมืองที่เติบโตเร็วยินดีที่ได้ร่วมงานกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า “ท่านสุริยะกับใครนะ อ่อ โฆษก” ก่อนยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า ทั้งสองท่านไม่ได้อยู่ในวงสนทนา การสนทนาระดับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ดังนั้น ทั้งสองท่านคงไม่รู้เรื่องอะไร และตนจะไปเถียงท่านทำไม ตนเคารพท่านจะตายกับนายสุริยะ
“ผมก็มีภาพถ่ายคู่กับท่านทักษิณตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการปล่อยภาพออกมาในช่วงเวลานี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้มองอะไรเลยเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับตน เรื่องที่มีสาระของตนคือการเตรียมความพร้อม ในการดูแลพี่น้องประชาชน และวันนี้ที่มาภาคอีสานก็มาดูแลพี่น้องประชาชนที่เกิดจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา อีกวันสองวันก็จะลงไปดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คิดแล้วทำแล้ว เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทันที ซึ่งเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา และต้องการสิ่งที่เราตัดสินใจ
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ได้กังวลว่าจะกระทบต่อเสียงของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เคยกังวลเลยในเรื่องนี้ การที่จะรู้จักหรือถ่ายรูปกับใคร เดี๋ยวนี้ไปนั่งกินข้าวต้ม กินก๋วยเตี๋ยว ถ้าเก็บคนละ 20 บาทก็กินฟรีหลายมื้อเลย เนื่องจากคนดีใจเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย เขาเห็นเราเป็นผู้นำของเขา แล้วเราก็ต้องถ่ายรูปกับเขาเพราะเขาเป็นประชาชนของเรา วันดีคืนดี มีใครบอกว่ามีรูปแบบนี้ขึ้นมาแล้วเขาไปทำผิดอะไร ตนก็ไม่อาจทราบได้ แต่กรณีรูปที่ปรากฏขึ้นตนกับนายเบน สมิธ มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองหลายคน ปีอะไรต้องดูก่อนราวๆปี 2557 - 2558 ตนยังไม่เป็นอะไรเลย และถ้าว่ากันจริงๆขณะนั้นธุรกิจสแกมเมอร์ก็ยังไม่มี และทุกวันนี้การสืบขยายผล ตนได้บอกไปแล้วว่าถึงใครก็ต้องดำเนินการคนนั้น อย่าว่าแต่ถึงเบน สมิธ
จังหวะนี้นายกรัฐมนตรี ได้หันมาที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับแซวว่า ถ้ามาถึงท่านภราดร เมื่อไหร่ก็ไม่เลี้ยงเหมือนกัน ดังนั้น ต่อให้ไปถ่ายรูปกับใครต่อให้ยืนกอดคอถ่ายรูปด้วย แต่ถ้าพรุ่งนี้เขาบอกว่ามีเงินของเครือข่ายจีนเทาเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนก็จะบอกว่า “น้องขอให้โชคดี อยากกินอะไรบอก เดี๋ยวพี่ไปเยี่ยม”
เมื่อถามว่า ได้เจอกับนายเบน สมิธ ในลักษณะแบบนี้กี่ครั้ง นานอนุทิน กล่าวว่า ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เจอกัน ก็มีการแนะนำกันได้รู้ว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นธุรกิจอินเวอร์เตอร์ ในประเทศไทยมีอินเวสเตอร์มากมาย แต่เราไม่อาจดูได้ว่าเขาทำธุรกิจอะไร แม้กระทั่งวินาทีนี้ตนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเป็นนักลงทุนที่มาลงทุนในประเทศไทยระยะหนึ่ง
“ทุกอย่างอยู่ที่เจตนาเราอยู่แล้ว นักธุรกิจจะใหญ่จะเล็ก ถ้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล หรือเจอที่ห้องบอลรูมในโรงแรมงานแต่งงาน ถ้าเขามาขอถ่ายรูปผมก็ต้องถ่ายหมด ถ่ายไปถ้าเขาไปทำผิดกฎหมายเมื่อไหร่ก็ดำเนินการ“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าย้ำว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าทำไมถึงมีการปล่อยรูปในช่วงนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครปล่อย"
เมื่อถามว่า กว่าจะถึงวันเลือกตั้งคิดว่าจะเจอการดิสเครดิตอีกเยอะหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย การเมืองมันเป็นแบบนี้แล้ว แต่พรรคภูมิใจไทยไม่เคยทำแบบนี้ พวกตนก็โดนมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่มันก็โตขึ้นทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ตนอยู่กับประชาชนไม่เสียเวลาอยู่กับสิ่งที่มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง
Advertisement