
วันที่ 1 ธ.ค. 68 ที่อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานงานมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณ 2570 จะทำให้รัฐบาลกระเพื่อมนโยบายสำคัญทางการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 ยึดแนวทางจากแผนการคลังระยะปานกลางช่วงปี 2570-2573 โดยภายในปีนี้ถึงแม้จะเป็นปีงบประมาณขาดดุลรัฐบาลก็ตั้งใจที่จะลดการขาดทุนของงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในอนาคตและยังรักษาสัดส่วนที่สาธารณะอยู่ในกรอบที่เหมาะสมโดยอยู่บนหลักการที่รักษาวินัยทางการเงินการคลังและแสดงสภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
โดยปีงบประมาณ 2570 นี้เป็นปีที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายทุกด้าน ทางด้านเศรษฐกิจสังคมสูงวัยความเหลื่อมล้ำผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนที่ทำให้ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการปรับตัวป้องกันภัยพิบัติและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกันภาครัฐต้องปรับตัวให้ทันสมัยโดยการนำระบบดิจิตอลและเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงมีการติดตามและประเมินผลเพื่อให้งบงบประมาณเป็นไปอย่างเรียบร้อยและสามารถตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตามงบประมาณต้องสอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจและรักษาการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดโดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายออกเป็น 5 ด้าน ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ ความมั่นคง สังคม และ สิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้ใช้เวลาในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาในการลงพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อหาความช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดที่ประสบปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งได้เห็นสภาพปัญหาที่ประชาชนเผชิญกับภัยพิบัติที่น้ำท่วมหนักมาสาหัส ซึ่งเรื่องการเยียวยาได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้รถเร็วที่สุดครอบคลุมและด้วยการลดขั้นตอนเพื่อให้เงินช่วยเหลือต่างๆ ไปถึงมือพี่พี่น้องประชาชนผู้ประสบความสำเร็จโดยเร็วที่สุด
พร้อมขอความร่วมมือทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้พิจารณาอย่างตั้งใจมุ่งมั่นว่าต้องช่วยกันหากมีการจัดการประชุมหรืออีเวนท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัมมนาอบรม ช่วงท้ายของปีนี้ อยากขอให้เลือกจังหวัดที่เกิดภัยพิบัติเหล่านี้ เพื่อให้เม็ดเงินไหลไปเพิ่มในพื้นที่ให้มากที่สุดเช่นอำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลาเป็นต้น เพราะ อ.หาดใหญ่เตรียมพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวซีเกมส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่เมื่อเกิดอุทกภัย ทั้งโรงแรมและสถานที่ต่างๆ ต้องพับแผนไป เพราะพื้นที่ไม่อำนวย ทำให้ต้องยกเลิกสำรองห้องพักและอื่นๆ อีกมากมาย จึงฝากให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาเลือกไปช่วยเหลือสถานที่ที่โชคไม่ดีเหมือนจังหวัดอื่นๆ เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ การให้โอกาสและวิถีชีวิตกับประชาชนที่เคราะห์ร้าย ประสบภัยให้ได้มากที่สุด จึงขอความเมตตาจากทุกท่าน เท่าที่จะทำได้
นอกจากนี้ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เราจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของทุกประเทศซึ่งจะผลักดันให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย wet zero ลดการเผาในภาคเกษตรส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานแสงอาทิตย์รวมถึงจัดตั้งแหล่งรับซื้อพลังงานสะอาดที่ได้มาตรฐาน
ด้านการบริหารภาครัฐและปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งต้องอยู่สู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้บริการประชาชนด้วยความสะดวกรวดเร็วยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ
ทั้งนี้นอกเหนือจากนโยบาย 5 ด้านแล้วรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการวางรากฐานในอนาคตของประเทศ ซึ่งรากฐานที่สำคัญที่สุดคือความต้องเริ่มพัฒนาศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่ต้องมีการปฏิรูปตลอดเวลา ไม่คิดเพียงว่าการศึกษาคือการพาเด็กไปนั่งรับการเรียนการสอนอย่างเดียวแต่ต้องสร้างระบบที่จะพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้ได้ตลอดทุกช่วงชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะคำว่าสุภาษิตไม่มีใครแก่เกินเรียน ยังคงใช้ได้ตลอด จึงต้องมีการพัฒนาปรับปรุงและส่งมอบให้กับคนไทยทุกคนในทุกช่วงวัย เพื่อลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมไทยและคุณภาพการศึกษา มาตรฐานการศึกษาและโอกาสการเข้าถึงของคนไทย
เช่นเดียวกันกับระบบสุขภาพของคนไทยที่ได้รับการชื่นชมจากนานาชาติ ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้นโดยการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาระบบปฐมภูมิ การยกระดับการดูแลสุภาพเชิงรุกการป้องกันโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากทำได้จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยต้องส่งเสริมการตั้งระบบที่จะดูแลประชาชนตั้งแต่ครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน โดยนโยบายทั้งหมดที่กล่าวมามีการวางกรอบงบประมาณปี 2570 เพื่อให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่งว่า “ปีนี้จะมุ่งเน้นการแก้ปัญหา 4 ภัย ซึ่งในช่วงที่รัฐบาลของตนได้เข้ามาบริหารประเทศ อยากจะนามสกุล “หลีกภัย” แต่ตนกลับนามสกุล “เจอภัย” เจอทั้งภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และภัยธรรมชาติ
ต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะยืนเคียงข้างทุกคนเพื่อให้ทุกคนผ่านภัยสิเพราะถือเป็นทุกข์แสนสาหัสของพี่น้องพระประชาชน และเราเป็นข้าราชการบริหารข้าราชการแผ่นดินต้องยึดถือความผาสุกของพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อพาพี่น้องประชาชนหลีกพ้นจากภัยเศรษฐกิจไปให้เร็วที่สุด
ด้านความมั่นคงเจอปัญหาข้อพิพาทกับกัมพูชา ซึ่งตนได้เห็นความอดทนอดกลั้นอย่างยิ่งของพี่น้องประชาชนตลอดจนความอดทนอดกลั้นของกองทัพในการปกป้องอธิปไตยและพี่น้องประชาชน ซึ่งตนเข้ามาในช่วงที่กำลังพีคพอดี และหากเรามีขาเสียขาที่ 8 กองทัพรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ดังนั้น เราต้องแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยของเรามีสิ่งที่สามารถต่อรองได้
และเพลงชาติเราก็บอก “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่เคยขลาด ต้องทำหน้าที่รักษาเกียรติภูมิรักษาเกียรติยศของคนไทยอย่างเต็มที่ ตนขอย้ำว่าไม่มีแพ้มีแต่ชนะอย่างเดียว หากต้องสู้รบ ก็ฝากให้กองทัพรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่
ในด้านการปราบสแกมเมอร์ตนก็ได้มีการแสดงท่าทีให้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลนี้เป็นศัตรูกับสแกมเมอร์ , ยาเสพติด , บ่อนพนันและธุรกิจที่ผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสนับสนุนและร่วมมือในการดำเนินนโยบายทุกนโยบาย ให้สังคมเหล่านี้ผลจากประเทศไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งผลงานก็เห็นกันอยู่
ขณะที่ ภัยธรรมชาติพายุน้ำท่วม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าต้องมีการปรับงบประมาณให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศและสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนไป โดยยึดประชาชนเป็นหลักโดยปี 2570 นี้ตนและสำนักงบประมาณจะช่วยกันทบทวนงบประมาณเพื่อให้ความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนและต้องหาทุกกลยุทธ์ทุกรูปแบบในการจัดทำงบประมาณเพื่อช่วยให้ประชาชนพ้นจากภัย 4 ข้อที่ตนได้กล่าวมา
“บางครั้งต้องทบทวนว่าการพัฒนาตัวเองอาจจะกลับมาทำลายตัวเองในอนาคตยกตัวอย่าง เช่นอำเภอหาดใหญ่ ที่มีการสร้างถนนเยอะแยะมากมาย โดยคาดไม่ถึงว่าอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอุทกภัยและน้ำท่วมใหญ่ ตามมาเพราะการทำถนนเพื่อทำให้ระบบการคมนาคมขนส่งสะดวก แต่อาจจะไปทำลายเส้นทางน้ำ กีดขวางทางเดินของน้ำทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งในหลายจังหวัดในยามที่ไม่มีปัญหาก็หาถนนร้องหารถไฟอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วที่สุดแต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นวันนี้ทุกคนร้องหาคลอง ร้องหาทางน้ำ แต่บางครั้งมันก็สายเกินไปเพราะมันมีความเสียหายเกิดขึ้น ก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองของงบประมาณ เพราะต้องนำงบประมาณมาเยียวยาดูแลมหาศาล ซึ่งที่ผ่านมามองว่าเราให้ความสำคัญกับคมนาคมขนส่งแต่ตอนนี้ต้องมาให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภัยพิบัติจากธรรมชาติ ซึ่งมีกฎหมายหลายตัวที่ต้องแก้ไข และมีนโยบายที่ต้องแก้ไขบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งต้องป้องกันไม่ใช่แค่การซื้ออุปกรณ์อย่างเดียว
โดยทางรัฐบาลต้องไปเร่งแก้ปัญหาโดยการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์และกฎระเบียบต่างๆให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถประกาศภัย จากสัญญาณต่างๆ ที่ได้รับก่อนที่เกิดภัย
ดังนั้นการจัดทำงบประมาณปี 2570 ขอให้ทุกหน่วยงานได้พิจารณาปัจจัยของภัยทั้ง4 เป็นตัวตั้งให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และไกลด้วย
เช่นเดียวกับการพัฒนาประเทศเรามีการพัฒนาความเจริญทุกด้านเราก็ต้องดูด้วย ที่มี คนพูดว่ามีการซื้อเรือทำไมตอนนี้เราไม่รบแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าทุกอย่างยังสามารถเกิดขึ้นได้เหมือนเดิม ดังนั้นจะต้องมีการพัฒนาและกองทัพจะต้องเร่งให้เกิดความพร้อมด้วย
ซึ่งช่วงนี้สัญญาณแจ้งเตือนในห้องประชุมดังขึ้น ทำให้นายกฯหยุด พร้อมพูดว่าเมื่อพูดเรื่องนี้แจ้งเตือนในห้องประชุมดัง
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สุดท้ายสถานการณ์การการคลังของไทยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายรอบตัวเลข จีดีพี ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สัดส่วนรายจ่ายของรัฐบาลมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงมุ่งเน้นฟื้นฟูสภาพทางการของประเทศโดยขณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการครั้งอารยะปานกลางปี 2570 ถึงปี 2573 โดยมีเป้าหมายให้ขาดดุลงบประมาณไม่เกินร้อยละ 3 ควบคุมหนี้สาธารณะให้ไม่เกิน 70% ของจีดีพี จึงขอให้เพื่อนข้าราชการบริหารการใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อไม่ให้ประเทศไทยเจอวิกฤตการณ์ด้านการเงินครั้งในอนาคต
โดยปี 2570 มีการกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณ 3,788,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 0.2% ซึ่งต้องชื่นชมเพราะยังมีภาระหนี้ผูกพันธ์และรายจ่ายที่ต้องใช้จ่ายอีกจำนวนมาก ซึ่งระหว่างนี้ขอให้หน่วยงานต่างๆจะทำคำขอใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพและไม่ควรเพิ่มเกินร้อยละ 20 ของปีที่แล้ว หากเพิ่มต้องเป็นงบลงทุน และเกิดความคุ้มค่า ไม่ใช่การเพิ่มรายจ่ายที่เป็นภาระงบงบประมาณในระยะยาว
ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีขอให้เชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะยึดหลักการที่จะดำรงไว้ซึ่งการพิทักษ์รักษาไว้สถาบันของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยึดมั่นการปกครองในระบบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดมั่นในหลักนิติธรรมบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนหลักของธรรมาภิบาล และมั่นใจว่าเราทุกคนรักชาติรักแผ่นดินไม่มีใครน้อยไปกว่าใคร เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการร่วมมือกันเพื่อทำภารกิจที่ตนได้กล่าวมาให้สำเร็จลุล่วง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนต่อไป พร้อมกล่าวว่า พวกเราอยู่กับประชาชนเสมอและต้องมีความสามัคคี เชื่อมั่นในองคาพยพที่เรามีว่าจะพาประเทศชาติเดือนหน้าและทำเพื่อประชาชนได้อย่างดีที่สุด
Advertisement