
วันที่ 28 พ.ย. 68 จากกรณี กรมการปกครอง มีคำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา มีคำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ช่วยราชการวิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครองเป็นการประจำ
ต่อมา กรมการปกครองได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากขณะนี้เหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลาถือเป็นสาธารณภัยขนาดใหญ่สร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 10/2568 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ได้ยกระดับ การจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) ในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยที่ตำแหน่งนายอำเภอเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ ที่จะต้องอยู่ในพื้นที่เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน
แต่ปรากฏว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้อยู่ในพื้นที่ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 และไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้อีกเลย ประกอบกับผู้บังคับบัญชาในทุกระดับก็ไม่สามารถติดต่อสื่อสาร และสั่งการได้เช่นกัน ทำให้ไม่สามารถประสานงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ นายอำเภอหาดใหญ่ยังไม่เข้าร่วมประชุมประจำวันกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 42 เพื่อประสานงานและรับทราบ แนวทางในการแก้ไขปัญหา ข้อสั่งการ คำสั่งของผู้บังคับบัญชาในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจะต้องเข้าร่วมประชุมเป็นประจำทุกวัน ทำให้เกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติราชการ
ดังนั้น กรมการปกครองพิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งให้นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา มาช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง
ต่อมากรมการปกครอง ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี สั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอหนองจิก ที่ 10 จังหวัดปัตตานี ผู้ใต้บังคับบัญชา ใช้รถยนต์ของทางราชการบรรทุกวัสดุอุปกรณ์ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างบ้านพักส่วนตัวของตน ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา และสั่งการให้ไปทำการก่อสร้างบ้านพักส่วนตัวหลังดังกล่าวโดยมิชอบ
ด้วยเหตุดังกล่าวกรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า ตำแหน่งนายอำเภอเป็นตำแหน่งสำคัญของกรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทย บุคคลที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวย่อมต้องดำรงตนเพื่อให้ได้รับความน่าเชื่อถือ ศรัทธา และความไว้วางใจ จากประชาชนในพื้นที่
การที่ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ ประกอบกับภารกิจของกรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทย รวมถึงภารกิจของรัฐบาล มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่
กรมการปกครองจึงมีคำสั่งให้ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ออกจากราชการไว้ก่อน ในฐานความผิดตามมาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และมีมูลความผิดทางวินัย อย่างร้ายแรง ตามมาตรา 45 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
การดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด มิได้มีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใดตามที่ ปรากฏข่าวสารแต่อย่างใด จึงเรียนมาเพื่อให้รับทราบข้อเท็จจริงโดยทั่วกัน
Advertisement